ธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจถือเป็นสถาบันการเงินที่มีความคุ้นเคยและใกล้ชิด กับผู้ใช้บริการทางการเงินทั่วไป แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า สถาบันทั้งสองประเภทมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจอย่างง่าย อาจกล่าวได้ว่า ธนาคารพาณิชย์ คือบริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. 2551 เช่น ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย เป็นต้น
ขณะที่สถาบันการเงินเฉพาะกิจ คือสถาบันการเงินที่รัฐตรากฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้นเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนตามนโยบายของรัฐ เพื่อพัฒนาส่งเสริมเศรษฐกิจ และสนับสนุน การลงทุน โดยปกติสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีทั้งที่รับ และไม่รับฝากเงินจากประชาชน ซึ่งในที่นี้จะขอกล่าวถึง เฉพาะสถาบันการเงินเฉพาะกิจที่ใกล้ชิดกับเรามายาวนานตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่และให้บริการรับฝากเงินจากประชาชนอันได้แก่ ธนาคารออมสิน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และธนาคารอาคารสงเคราะห์
แม้ว่าสถาบันการเงินทั้งสองประเภทสามารถให้บริการทางการเงินแก่บุคคลทั่วไปได้เหมือนๆ กัน แต่หากลงลึกไปในรายละเอียดยังมีข้อแตกต่างกันอยู่บ้าง การกระจายสาขาและการให้บริการ สาขาของสถาบันการเงินเฉพาะกิจมีการกระจายตัวเกือบครบทุกอำเภอในประเทศไทย ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ กระจุกตัวอยู่เฉพาะในเขตอำเภอที่มีความเจริญเป็นย่านการค้า ทำให้ประชาชนสามารถใช้บริการทางการเงินของสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้ทั่วถึงกว่าในแง่ของภูมิศาสตร์
ขณะที่ธนาคารพาณิชย์มีการให้บริการทางการเงินที่หลากหลายและซับซ้อนมากกว่า เช่น บริการวาณิชธนกิจ หรือผลิตภัณฑ์บริหารความเสี่ยงทางการเงิน ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีบทบาทสำคัญในการให้บริการทางการเงินที่ส่งเสริมนโยบายของรัฐ เช่น สินเชื่อเพื่อพัฒนาชนบท การสนับสนุนผู้ประกอบการ SMEs และ OTOP
การกำกับดูแล ธนาคารพาณิชย์ได้รับการกำกับดูแลโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ซึ่งจะกำกับตรวจสอบ วิเคราะห์และติดตามฐานะการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ รวมทั้งดำเนินการกับธนาคารพาณิชย์ที่มีปัญหาในการดำเนินกิจการหรือปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะได้รับการกำกับดูแลโดยกระทรวงการคลังแต่จะมอบหมายให้ ธปท. เป็นผู้ตรวจสอบการดำเนินกิจการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ แล้วรายงานผลการตรวจสอบและข้อเสนอแนะให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาการดำเนินการต่อไป
การคุ้มครองเงินฝาก เงินฝากที่เป็นสกุลเงินบาทของผู้ฝากที่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศที่ฝากไว้กับธนาคารพาณิชย์จะได้รับการคุ้มครองจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) ตามที่กฎหมายกำหนดซึ่งปัจจุบัน มีวงเงินคุ้มครองอยู่ที่ 50 ล้านบาท/ราย/สถาบัน (รวมทุกบัญชี) ไปจนถึงวันที่ 10 สิงหาคม 2558 หลังจากนั้นวงเงินคุ้มครองจะลดลงเหลือ 25 ล้านบาท ในวันที่ 11 สิงหาคม 2558 และในที่สุดวงเงินคุ้มครองจะลดลงเหลือเพียง 1 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม 2559 เป็นต้นไป แม้ว่าเงินฝากที่อยู่กับสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะไม่ได้รับการคุ้มครองจากสคฝ. แต่เนื่องจากสถาบันการเงินเฉพาะกิจเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐและมีรัฐบาลถือหุ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ การปิดหรือเลิกกิจการเป็นไปได้ยาก จึงถือได้ว่าเงินฝากของสถาบันการเงินเฉพาะกิจได้รับความคุ้มครองจากรัฐบาล
แม้ว่าธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจจะมีความแตกต่างกันอยู่บ้าง แต่สถาบันการเงินทั้ง 2 ประเภทก็เป็นสถาบันการเงินที่มีความมั่งคงและน่าเชื่อถือ โดยมีธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และกระทรวงการคลังทำหน้าที่กำกับดูแลและตรวจสอบฐานะการดำเนินงานให้เป็นไปตามนโยบายและหลักเกณฑ์ที่ทางการได้กำหนดไว้
อย่างไรก็ตาม ประชาชนในฐานะที่เป็นผู้ใช้บริการทางการเงินมีสิทธิ์ในการเลือกใช้บริการทางการเงินอย่างอิสระ และมีสิทธิ์ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนและถูกต้องจากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบและเปรียบเทียบการพิจารณาก่อน ที่จะเลือกใช้บริการทางการเงินที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
หากมีข้อสงสัย ในการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ และสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สามารถโทรศัพท์ติดต่อสอบถามได้ที่เบอร์ 1213 หรือกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องเรียนการให้บริการของธนาคารพาณิชย์ได้ด้วยตนเองที่ศูนย์คุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) ซึ่งตั้งอยู่ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และเขตภูมิภาคทั้ง 3 แห่งได้แก่ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ส่วนสถาบันการเงินเฉพาะกิจสามารถร้องเรียนไปที่สถาบันการเงินนั้นโดยตรงหรือที่กระทรวงการคลัง
ประภัทร พูนสิน
สำนักงานภาคใต้ ธนาคารแห่งประเทศไทย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี