เมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนผมเริ่มจดบันทึกการใช้จ่าย ด้วยสงสัยว่าเงินแต่ละเดือนหายไปไหน ทำไมไม่พอใช้ พี่ที่นั่งทำงานข้างๆ เห็นผมนั่งจดแล้วหัวเราะ เอาเรื่องไปเล่า ไปโพนทะนาว่าผมนี่งกสุดๆ ก๋วยเตี๋ยวเป็ด โอเลี้ยง ค่ารถ ฯลฯ มันจดทุกอย่าง ...
นอกจากจดบันทึกค่าใช้จ่ายแล้ว ผมยังทำงบการเงิน หยิบหนังสือการเงินการลงทุนติดตัวอยู่ตลอด
เวลาเดินไปทานข้าวที่โรงอาหาร มักจะมีเสียงตะโกนแซวผมเสมอว่า “เอ้า ... พ่อเศรษฐีใหญ่ของเรามาแล้ว” ... พร้อมเสียงหัวเราะกันสนุกสนาน
ตอนอ่านหนังสือ Rich Dad Poor Dad (พ่อรวยสอนลูก) จบครั้งแรก (ปี 2000) ผมเริ่มคิดอยากทำธุรกิจส่วนตัวที่ชอบและคิดฝันมานาน นั่นคือธุรกิจที่ปรึกษาโรงงาน จึงเริ่มเล่าไอเดียของผมให้คนรู้จักฟัง
หลายคนหัวเราะ บางคนแสดงสีหน้าเห็นใจที่ผมหลงเชื่อหนังสือเล่มนั้นมากเกินไป (ที่จริงผมไม่ได้เชื่อโรเบิร์ตหรอก ผมก็แค่อยากพิสูจน์ดูว่าแนวคิดมันทำได้จริงไหม? เท่านั้นเอง)
แต่ในที่สุด ผมก็ได้เริ่มต้นกิจการเล็กๆ เริ่มจากให้คำปรึกษาฟรีๆ 3 บริษัท จนเริ่มมีคนยอมจ่ายค่าให้คำปรึกษา และต่อยอดเป็นกิจการส่วนตัวได้
หลังเริ่มหมดกังวลเรื่องเงิน ผมเริ่มมีไอเดียที่จะสอนการเงินให้คนไทย จึงเริ่มเปิดคอร์ส MONEY FITNESS เพื่อสร้างทีมงานไว้ช่วยผมเผยแพร่การเงินออกไปในวงกว้าง
เพื่อนคนนึงที่ได้ยินหัวเราะ และถามผมว่า “มีคนมาเรียนกับมึงด้วยเหรอวะ”
พอเปิดคอร์สแรก มีคนมาเรียนกับผมแค่ 15 คน ก็เลยกลายเป็นเรื่องโดนแซวโดนอำต่อไปอีกนานเลยว่า “คนไทยทั้งประเทศมึงน้อยเนอะ 15 คนเอง” แล้วก็ขำแบบงอหาย
... อาจไม่แปลกอะไรที่ความคิดของคุณ จะไม่ได้รับการยอมรับจากคนที่ไม่เข้าใจ
... อาจไม่แปลกอะไร ที่คนรอบตัวคุณมองเห็นสิ่งที่คุณทำเป็นเรื่องตลก
... และที่มันไม่แปลก อาจเป็นเพราะคนเรามีสิทธิ์มองการกระทำแต่ละอย่าง ของแต่ละคน ในมุมที่แตกต่างกัน
สำคัญคือ คุณเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองทำดีพอหรือเปล่า เข้าใจว่าคุณทำมันเพื่ออะไร หรือเพราะอะไร เป้าหมายที่เราเห็น แต่คนอื่นไม่เข้าใจ คือ อะไรกันแน่
และเมื่อคุณเชื่อมั่นในอะไร ก็จงทุ่มเททำมันออกไปให้สุดใจ และยืนระยะให้ได้นานพอจนเห็นผลสัมฤทธิ์ของมัน
สุดท้าย ... คนขี้งก จดทุกสิ่งทุกอย่าง ก็มีเงินเก็บในแบบของเขาเองนั่นแหละ ไม่ได้หนักหัวใคร เพราะไม่ได้จดรายจ่ายบนหน้าผากใคร
คนมีไอเดียทำธุรกิจ แม้จะล้มลุกคลุกคลาน แต่ถ้ายังลุกขึ้นเดินต่อสู้ต่อทุกครั้งที่ล้ม มันก็เก่งขึ้น ทำได้ดีขึ้น แล้วก็ทำสำเร็จในที่สุดได้
ส่วนคนบ้าในสายตาเพื่อน ที่ถูกถามว่า “มีคนมาเรียนกับมึงด้วยเหรอ” สุดท้ายไอ้คนถามก็มานั่งเรียนกับแฟน พร้อมกับคนอีก 800 คน ในคอร์ส Money Literacy เมื่อสองสามปีก่อน หลังจากเฝ้าดูผมสอนคนอื่นมา 4-5 ปี
ใครจะเรียนกับกูหรือเปล่าไม่รู้ อย่างน้อยมึงมาเรียนกูก็ดีใจกับมึงด้วย (ฮา)
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่คุณมุ่งมั่นตั้งใจจะส่งผลสัมฤทธิ์ กลายเป็น “ความสำเร็จ” หรือเป็นแค่ “เรื่องตลก” ทั้งหมดคุณกำหนดได้ด้วยตัวคุณเอง
และเรื่องราวทั้งหมดนั้น “เวลา” จะเป็นเรื่องพิสูจน์เอง
เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังมุ่งมั่นสู่ความสำเร็จทางการเงินนะครับ ใครจะขำ ใครจะตลก กับเป้าหมาย ความฝัน หรือก็การกระทำของเรา ก็ปล่อยเขาครับ เป็นสิทธิ์ของเขา
หน้าที่ของเรา คือ ทำให้เรื่องตลกกลายเป็นเรื่องจริง หรือกลายเป็นเรื่องราวของคนสำเร็จ เอาไว้เล่าสร้างแรงบันดาลใจ ว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยถูกหัวเราะมาก่อน
ว่าแล้ว ... เอ้า ... ขำกันให้พอเลยครับ
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี