เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ที่ผ่านมา นายวิทูรัช ศรีนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี ได้ทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย ขอลาออกจากราชการ เพื่อแสดงความรับผิดชอบและรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล กรณีใช้ถ้อยคำผิดพลาดในหนังสือราชการที่เตรียมต้อนรับนายกรัฐมนตรีซึ่งมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดจันทบุรี
หนังสือราชการที่เป็นปัญหาดังกล่าว คือ คำสั่งจังหวัดจันทบุรีเรื่อง “มอบหมายภารกิจการเตรียมการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี และการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดจันทบุรี” มีการใช้ถ้อยคำผิดพลาดโดยระบุว่า “.... เพื่อให้การเตรียมรับเสด็จเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จังหวัดจึงมอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ส่วนราชการ/หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามเอกสารแนบท้ายคำสั่งนี้.... ” และลงนามโดยว่าผู้ว่าฯจันทบุรี
ต่อมาได้ดำเนินการแก้ไขถ้อยคำให้ถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งสาเหตุที่ใช้ถ้อยคำผิดพลาดเกิดจากการปรับแก้จากเอกสารฉบับเดิม โดยก่อนหน้านี้ทางจังหวัดได้ทำหนังสือเรื่องการเตรียมความพร้อมเฝ้าฯรับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ที่เสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดจันทบุรี
ประเด็นการใช้ถ้อยคำผิดพลาดดังกล่าว มีความสำคัญสำหรับท่านผู้ว่าฯมาก ถึงขนาดทำให้ต้องมีหนังสือลาออกเพื่อรักษาชื่อเสียงเกียรติยศของวงศ์ตระกูล เมื่อดูประวัติผู้ว่าฯท่านนี้ นับว่าน่าสนใจงอย่างยิ่ง สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี รัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ปริญญาโท รัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า), หลักสูตรนายอำเภอรุ่น 42 วิทยาลัยการปกครอง, หลักสูตรนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 43 วิทยาลัยการปกครอง
ก่อนหน้านี้ เป็นรองผู้ว่าฯพิษณุโลก แต่ย้ายมารักษาราชการแทนผู้ว่าฯจันทบุรี ที่ถูกย้ายด่วนตามคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มาตรา 44 และไม่ว่ารับราชการอยู่จังหวัดใด ประชาชนต่างนิยมชมชอบ เพราะเป็นคนดีมีความรู้ความสามารถ เป็นคนง่ายๆ ในคราวนี้ก็เช่นกัน คนที่ทราบข่าวว่าผู้ว่าฯแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออก ต่างให้กำลังใจและชื่นชม ทั้งยังมองว่าการพิมพ์หนังสือผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้ ซึ่งผู้ว่าฯคงไม่ได้พิมพ์เอง และเป็นเรื่องเล็กน้อยไม่น่าถึงขั้นลาออกจากราชการ
ส่วนมากการทำหนังสือของหน่วยงานราชการ คนพิมพ์จะเป็นฝ่ายธุรการหรือเลขาฯ แล้วจึงเสนอผู้มีอำนาจลงนามรับรอง แต่หากเนื้อหาเรื่องที่พิมพ์เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงเรื่องเดิม จะไม่พิมพ์ใหม่ทั้งหมด เพียงนำเรื่องเดิมมาปรับแก้เท่านั้น ซึ่งคนพิมพ์ต้องมีความละเอียดตรวจทานหลายๆ รอบเพื่อป้องกันความผิดพลาดในการใช้ถ้อยคำสำนวนหรือคำผิดคำถูก เพราะบางทีพิมพ์ผิดคำเดียว ทำให้ความหมายประโยคเปลี่ยนไปเลย ยิ่งเป็นหนังสือราชการต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากเกิดข้อผิดพลาดประการใดจะส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือของหน่วยงานนั้นๆ ทันที
เรื่องหนังสือราชการใช้ถ้อยคำผิดพลาดเคยเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2559 แต่คราวนั้นเป็นการทำหนังสือจากหน่วยงานราชการถึงหน่วยงานราชการด้วยกัน คือ จดหมายราชการลงทะเบียนจากกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งถึงผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร สำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง พิมพ์ผิดพลาดโดยตัวสะกดคำว่า “ควบ” ผิดไป ทำให้เกิดการส่งต่อภาพซองจดหมายกันอย่างมีอารมณ์ขันในโลกออนไลน์ ต่อมาผู้บังคับการกองการต่างประเทศ ในฐานะผู้บังคับบัญชาได้ทำหนังสือขอโทษและแสดงความเสียใจแทนลูกน้องถึงผู้อำนวยการส่วนควบคุมทางศุลกากร
สำหรับผู้ว่าฯจันทบุรีท่านนี้ น่าชื่นชม เนื่องจากยอมรับความผิดพลาดแต่เพียงผู้เดียวโดยไม่กล่าวโทษคนพิมพ์หรือลูกน้องแต่อย่างใด และกรณีนี้มีการตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงเพื่อสืบสวนหนังสือลาออก แต่ต่อมาผู้ว่าฯได้ถอนหนังสือลาออกเนื่องจากพระธรรมเมธี (ธรรมยุต) เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรีและพระราชจันทโมลี เจ้าคณะจังหวัดจันทบุรี(มหานิกาย) ได้ขอบิณฑบาตผู้ว่าฯให้ถอนหนังสือลาออก ต่อหน้าคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง เป็นอันว่าผู้ว่าฯยังรับราชการต่อจนเกษียณ
นับว่าหาได้ยากยิ่งสำหรับข้าราชการยุคปัจจุบันที่จะแสดงความรับผิดชอบแบบผู้ว่าฯจันทบุรี ข้าราชการระดับสูงบางคนนอกจากไม่แสดงความรับผิดชอบแล้ว ยังโยนความผิดให้ลูกน้อง หรือบางคนโดนกล่าวหาถูกร้องเรียนมีพยานหลักฐานชัดเจน ก็ไม่ยอมลาออก อ้างรอคณะกรรมการตรวจสอบวินัยสืบสวนข้อเท็จจริงเสียก่อน หรือรอดำเนินคดี หรือแม้แต่ดำเนินคดีแล้ว ยังอ้างว่าคดียังไม่ถึงที่สุดยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่
บางครั้งความรับผิดชอบอาจเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่แสดงให้เห็นถึงจิตสำนึกที่อยู่ข้างในของคนคนนั้นว่า ไม่ยึดติดกับตำแหน่งหัวโขน ยึดมั่นในอุดมการณ์ ตั้งใจทำงาน สมควรได้รับการชื่นชมและการปกป้องจากผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ยิ่งยุคสมัยนี้ข้าราชการดีๆที่ซื่อสัตย์สุจริต ปฏิบัติหน้าที่ตรงไปตรงมา มักถูกกลั่นแกล้งจากผู้ที่เสียผลประโยชน์
อาชีพรับราชการถือว่าให้คุณให้โทษกับบุคคลทั่วไป ยิ่งเป็นตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยแล้ว จะมีคนหลากหลายอาชีพเข้าหา การจะประพฤติปฏิบัติให้เป็นที่รักของประชาชน ไม่หลงในลาภยศ สรรเสริญ ต้องมีหิริโอตตัปปะ หรือความละอายเกรงกลัวต่อบาปพอสมควร
ผู้ว่าราชการจังหวัดท่านนี้ จึงเป็นตัวอย่างให้กับคนที่รับราชการได้เป็นอย่างดี ว่าผลงานจะเป็นตัวคอยปกป้องและเป็นที่รักของประชาชนคนในพื้นที่ เป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่
การแสดงความรับผิดชอบโดยไม่ยึดติดกับตำแหน่งควรถือเป็นแบบอย่างแก่นักการเมือง และข้าราชการการเมืองบางคน ที่กระทำผิดมีหลักฐานชัดเจน แต่ยังเป็นทองไม่รู้ร้อน ไม่แสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี