การเลือกตั้งทั่วไปของมาเลเซีย เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2561 ได้สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการเมืองโลก เมื่อได้นายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุดในโลก คือ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อดีตนายกรัฐมนตรีหลายสมัยของมาเลเซียในวัย 92 ปี ได้นำแนวร่วมพรรคฝ่ายค้าน “ปากาตัน ฮาราปัน (Pakatan Harapan-PH)” หรือพันธมิตรแห่งความหวัง และพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ชนะเลือกตั้งพรรคอัมโน (UMNO) หรือแนวร่วมแห่งชาติ (Barisan Nasional-BN) ของนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันแบบถล่มทลาย
ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เกิดที่รัฐเคเดะห์ เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2468 จบการศึกษาแพทยศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมาลายา เคยเป็นนายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย ช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2524 ถึง พ.ศ. 2546 ในนามของพรรคอัมโน พรรคเดียวกับนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน รวมระยะ เวลา 22 ปี ที่ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ครองอำนาจ ในช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้น มาเลเซียมีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจมากเป็นอันดับสองในอาเซียนรองจากสิงคโปร์ กระทั่งลาออกจากพรรคอัมโนมาเมื่อปี พ.ศ.2559 เนื่องจากไม่พอใจที่พรรคยังให้การสนับสนุนนายนาจิบ ราซัค แม้ว่าจะมีปัญหาการทุจริต
ชัยชนะในการเลือกตั้งของ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เกิดจากการร่วมมือกับนายอันวาร์ อิบราฮิม ซึ่งเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตเด็กปั้นจากพรรคอัมโนเช่นเดียวกัน นายอันวาร์ อิบราฮิม ได้เคยถูกดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด วางตัวให้เป็นทายาททางการเมือง ซึ่งหมายถึงให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนถัดไป
นายอันวาร์ อิบราฮิม ได้เติบโตทางการเมืองอย่างรวดเร็ว อาจดูเหมือนว่าทาบรัศมี หรือวัดรอยเท้าดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด จนทำให้ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เริ่มไม่พอใจ เพราะนายอันวาร์ อิบราฮิม ได้กลับกลายเป็นคู่แข่งทางการเมืองที่สำคัญ
ต่อมา นายอันวาร์ อิบราฮิม ได้ถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริต ต้องได้รับโทษจำคุกนานถึง 6 ปี และยังถูกดำเนินคดีในข้อหามีความสัมพันธ์ทางเพศทางทวารหนักกับชายเพศเดียวกัน ซึ่งเป็นอดีตผู้ช่วย และคนขับรถของภริยาของเขา ได้รับโทษจำคุก 9 ปี ทั้งที่ในตอนแรกศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้อง โดยให้เหตุผลว่า หลักฐานไม่เพียงพอ แต่ศาลสูงได้กลับคำพิพากษาให้ลงโทษ ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือว่า ผิดกฎหมายของประเทศมาเลเซีย ผู้ที่ติดตามการเมืองในมาเลเซียต่างตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นแผนการกำจัดคู่แข่งทางการเมืองของดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด
ล่าสุด นายอันวาร์ อิบราฮิม ได้รับอิสรภาพ โดยได้ถูกปล่อยตัวจากเรือนจำ เนื่องจากได้รับพระราชทานอภัยโทษจากพระราชาธิบดีมูฮัมมัดที่ 5 ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ประเทศมาเลเซีย โดยดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้เสร็จเรียบร้อยอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่กี่วัน หลังจากที่ชนะการเลือกตั้งทั่วไป
แม้ว่านายอันวาร์ อิบราฮิม จะถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำ แต่ได้มีบทบาทในทางการเมืองที่สำคัญ โดยในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปี พ.ศ.2551 และ ปี พ.ศ.2556 ได้ควบคุมรัฐบาลระดับรัฐ 4 รัฐ คือ
กลันตัน ปีนัง เคดะห์ และสลังงอร์ และได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นพรรคฝ่ายค้านอันดับหนึ่งของมาเลเซีย รวมถึงการเลือกตั้งในครั้งล่าสุดนี้ที่ยังมีอิทธิพลสามารถโค่นพรรคฝ่ายรัฐบาลลงได้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่พรรคฝ่ายค้านชนะพรรคฝ่ายรัฐบาลลงได้ในรอบ 60 ปี นับแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษ
สาเหตุของความพ่ายแพ้ครั้งแรกของพรรครัฐบาลภายใต้การนำของนายนาจิบ ราซัค สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้นายนาจิบ ราซัค มีข่าวทุจริตยักยอกเงินกองทุน 1 MDB (กองทุนเพื่อการพัฒนามาเลเซีย) เข้าบัญชีส่วนตัว จำนวน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาท) จนมีประชาชนชาวมาเลเซียออกมาประท้วงจำนวนมาก ซึ่งรวมทั้งดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ที่ได้เข้าร่วมประท้วงด้วยตนเองจนเป็นข่าวใหญ่
แต่นายนาจิบ ราซัค ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้รอดพ้นข้อกล่าวหา เนื่องจากสำนักงานปราบปรามการทุจริตมาเลเซียแถลงว่า เงินจำนวนดังกล่าวที่ถูกโอนเข้าบัญชีส่วนตัวของนายนาจิบ ราซัค เป็นเงินที่ราชวงศ์ซาอุดีอาระเบียบริจาคให้เป็นการส่วนตัว นอกจากนี้ได้มีอัยการที่ตงฉินซื่อตรงของมาเลเซียคนหนึ่งที่รับผิดชอบคดีนี้ ได้พยายามขุดคุ้ยหาข้อเท็จจริงในเรื่องการทุจริต ได้ถูกลอบฆาตกรรม โดยไม่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำความผิด ซึ่งนับว่าเป็นพิรุธอย่างยิ่ง และเรื่องการทุจริตกลับเงียบหายไป
นอกจากนี้สาเหตุของความพ่ายแพ้อีกอย่างหนึ่ง คือการที่นายนาจิบ ราซัค ได้เพิ่มความเข้มงวดของกฎหมายในการที่จะกำจัดคู่แข่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการรวมตัวในที่สาธารณะ กฎหมายต่อต้านการแพร่กระจายข่าวปลอม และความพยายามแบ่งเขตการเลือกตั้งใหม่เพื่อให้พรรครัฐบาลได้เปรียบคู่แข่ง
ในที่สุด นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคอัมโนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั่วไป ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้ประกาศชัยชนะการเลือกตั้ง และได้เป็นนายกรัฐมนตรีมาเลเซียคนล่าสุด
ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ได้แถลงว่า จะขอรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเพียงแค่ 2 ปีเท่านั้น และจะให้ทายาททางการเมืองซึ่งได้แก่ นายอันวาร์ อิบราฮิม เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป
นายอันวาร์ อิบราฮิม ได้เป็นทายาททางการเมืองของดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด อีกครั้ง อาจเป็นไปได้ว่า ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ต้องการลบล้างสิ่งต่างๆ ในอดีตที่ผ่านมา และไม่สามารถหาใครเป็นที่ยอมรับได้เท่านายอันวาร์ อิบราฮิม ในขณะนี้ แต่อีก 2 ปีข้างหน้า ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่า ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด จะเปลี่ยนใจอีกครั้งหรือไม่
แม้นายอันวาร์ อิบราฮิม จะได้รับอิสรภาพแล้ว แต่ไม่ได้มีสถานะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นไปได้ว่า ในอนาคตอันใกล้ อาจจะมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนหนึ่งลาออก เพื่อให้มีการเลือกตั้งซ่อม และเปิดโอกาสให้นายอันวาร์ อิบราฮิม สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอีกครั้ง
ย้อนกลับมาที่ ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด ทันทีที่เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ดำเนินการรื้อฟื้นคดีทุจริตของนายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรี ได้มีคำสั่งห้ามนายนาจิบ ราซัค และครอบครัวเดินทางออกนอกประเทศ และอายัดทรัพย์ของนายนาจิบ ราซัค อย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่ภริยาของนายนาจิบ ราซัค ขนย้ายทรัพย์สินของตนเองไม่ทัน จะมีเพียงบางส่วนเล็กน้อยที่ได้ขนย้ายไปก่อนเท่านั้น
แม้ว่า ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด จะมีอายุถึง 92 ปีแล้ว แต่ดำเนินการอย่างฉับไว รวดเร็ว ในการรื้อฟื้นคดีทุจริต
ประชาชนชาวไทย ในฐานะเพื่อนบ้าน ด้านหนึ่งคงต้องยินดีไปกับชาวมาเลเซีย ส่วนอีกด้านหนึ่งคงต้องสะท้อนใจ เมื่อเปรียบเทียบกับหลายสิ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี