ll เริ่มร้อนระอุขึ้นทุกทีกับการประกาศสงครามของสหรัฐกับประเทศจีนและประเทศอื่นเช่นกลุ่มสภาพยุโรป...ซึ่งสินค้ากลุ่มแรกๆ ที่รับผลกระทบก็คือเหล็กนั่นเอง...ทั้งนี้ทั้งนั้นการประกาศปรับขึ้นกำแพงภาษีของสหรัฐนั้น...ก็ใช่ว่าสหรัฐจะกระทำเพียงฝ่ายเดียวประเทศอื่นก็ตอบโต้ด้วยเช่นกัน...การตอบโต้กันแบบนี้ซึ่งก็ไม่ต่างกับการทำสงคราม....ทั้งโลกจึงเรียกขานปรากฏการณ์ครั้งนี้ว่า “สงครามการค้า”...
ในกรณีของเหล็กส่งผลกระทบในหลายมิติ...ซึ่งไทยเองก็คือหนึ่งในผู้ส่งออกเหล็กแม้จะไม่ใช่รายใหญ่ของโลกแต่ผู้ประกอบการก็ได้รับกระทบมากพอสมควร...ในทางตรงนั้นแน่นอนมูลค่าการส่งออกเหล็กไปสหรัฐหายไปปีละ 2 แสนกว่าตัน...และยังมาโดนเหล็กจากประเทศอื่นๆ ที่ส่งออกไปสหรัฐไม่ได้ทะลักเข้ามาถล่มตลาดด้วย
นอกจากเหล็กจากจีนแล้ว...ตอนนี้สหภาพประกาศใช้มาตรการภาษีการนำเข้าเพิ่มผิดปกติ (เซฟการ์ด) 25%...เหล็กทุกประเภทและจากทุกประเทศ...หลังจากการไต่สวนเพียงแค่ 2-3 เดือน...ส่วนประเทศอื่นที่เป็นผู้นำเข้าเหล็ก เช่น อินเดีย อินโดนีเซีย ก็ใช้มาตรการตั้งเพดานราคา...รวมทั้งผู้นำเข้าเหล็กอื่นๆ ทั่วโลกก็ใช้หลากหลายมาตรการเพื่อสกัดการนำเข้าเหล็ก...ด้วยเหตุผลที่ว่าต้องยึดหลักของการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศของตน...
ตอนนี้พูดไม่ผิดมีเพียงประเทศเดียวในโลกที่มีมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศอ่อนแอที่สุดคือ...ประเทศไทย...ที่บอกว่าอ่อนแอเพราะว่าแม้จะมีมาตรการไว้สำหรับปกป้องอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ...แต่การดำเนินการนั้นล่าช้า...ไม่ว่าจะเป็น...ภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด...มาตรการเซฟการ์ด...ก็ล้วนแต่ใช้เวลาดำเนินการเป็นปี (ในกระบวนการปกติ)...แต่ถ้ามีการเตะถ่วง ก็จะใช้เวลามากว่านั้น...ส่วนมาตรการเร่งด่วนที่หยิบมาใช้ได้เร็วหน่อยอย่างเช่น...เซอร์ชาร์จ...ก็ไม่กล้าหยิบเอามาใช้กัน...
หน่วยงานที่มีเครื่องไม้เครื่องมือในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ...ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม...ต่างอ้างอย่างเดียว...ว่ากลัวจะโดน WTO เล่นงาน...โลกการค้า...ก็แปลกใจ...แล้วทำไมประเทศอื่นๆ เขาไม่เห็นกลัว WTO...และอยากจะถามจริงว่าตั้งแต่ตั้ง WTO มานี่ไทยได้ประโยชน์ทางการจากการทำตัวเป็นเด็กของ WTO มากน้อยแค่ไหน....
ผู้นำเข้าเหล็กทั่วโลกปิดประตูป้องกันตัวเองกันเหมดแล้วอย่างนี้...เหล็กที่มีอยู่ในตลาดโลกมันจะทะลักไปไหน...ถ้าไม่ใช่ประเทศที่มาปราการป้องกันที่อ่อนแออย่างเช่นประเทศไทย….!! จริงอยู่ว่าหน้าที่ของทางการต้องดูแลทั้งผู้นำเข้าและผู้ผลิต....แต่จะไม่ลองชั่งน้ำหนักดูหน่อยหรือว่า...ระหว่างบริษัทนำเข้าที่แต่ตึก โต๊ะ เก้าอี้อย่างดีก็มีโกดัง...กับผู้ผลิตที่มีมูลค่าการลงทุนหลายแสนล้านบาทมีการจ้างงานหลายแสนคน....ควรจะให้ความสำคัญหรือให้น้ำหนักกับใคร...???
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี