nn No Free Lunch…วลีเด็ดทางเศรษฐศาสตร์ที่ Milton Friedman นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบิลเขียนเอาไว้ และ รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต อดีต รมช.ศึกษาธิการ หยิบยกเอามาเขียนเป็นตำรับตาราว่าด้วยเศรษฐศาสตร์ชาวบ้านหลายเวอร์ชั่นมาแล้ว...และมันคือความเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เมื่อมีคนได้ (Take) มันต้องมีคนเสีย/จ่าย (Lost) แม้แต่อากาศอันบริสุทธิ์เรายังต้องลงทุนอนุรักษ์รักษาสิ่งแวดล้อมถึงจะได้มา หรือหากอยากให้ผู้คนชื่นชมรักใคร่ก็ต้องโปรยยิ้มพูดจาไพเราะเสนาะหูถึงจะได้มา ขืนไปจ้อจอทีวีเอาแต่ด่ากราดเขาไปทั่วอีกสิบชาติคงได้อยู่หรอก!
“นโยบายประชารัฐ” ที่รัฐบาลปัจจุบันกำลังเดินตามนโยบายประชานิยมที่ตนเองเคยก่นด่าคนอื่นไว้วันนี้...ปฏิเสธไม่ได้หรอกถ้าใครจะเรียก...“ซานต้าตู่”...เพราะประเคนให้ประชาชนคนไทยจนแทบจะสำลักและสิ่งเหล่านี้ล้วนต้องมีคนจ่าย (Pay) ซึ่งสุดท้ายไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ “ภาษี” ของประชาชนคนไทยเราเองนั่นแหละ!
นับตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เริ่มนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือ “บัตรคนจน” เปิดให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนรับบัตรไปกว่า 11.67 ล้านคน เมื่อกลางปี 2560 ก่อนจะทะลักขึ้นมาเป็น 14.5 ล้านคน ในปัจจุบัน รัฐบาลได้ถลุงงบประมาณลงไปกับมาตรการช่วยเหลือคนจนและกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วกว่า 120,000 ล้านบาท …ไล่มาตั้งแต่ให้วงเงินสำหรับซื้อสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ 200-300 บาท/คน/เดือน ขึ้นอยู่กับรายได้ของผู้ถือบัตร มอบส่วนลดค่าก๊าซหุงต้ม 45 บาท/3 เดือน ค่าเดินทางขนส่งสาธารณะต่างๆ อย่างละ 500 บาท/เดือน รวมเบ็ดเสร็จในเฟสแรกถลุงงบไปกว่า 41,940 ล้านบาท…จากนั้นก็เข็นโครงการต่อยอดบัตรคนจนในเฟส 2 เพิ่มวงเงินซื้อสินค้าในบัตรคนจนให้อีก 100-200 บาท/คน/เดือน ใช้งบประมาณไปอีก 35,679 ล้านบาท ก่อนจะตบท้ายเฟส 3 ในเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ที่ผ่านมา จัดหนักมาเป็นกุรุสอีกกว่า 80,000 ล้านบาท ทั้งอุดหนุนค่าไฟฟ้า-น้ำประปา 230 และ 100 บาท/ครัวเรือน เป็นเวลา 10 เดือน แถมยังแจกเงินก้นถุงเป็น “ของขวัญปีใหม่” ให้อีกคนละ 500 บาท
ล่าสุดกระทรวงการคลังยังปรับเบี้ยเลี้ยง อสม.จาก 600 เป็น 1,000 บาท ใช้งบไปอีก 4,200 ล้าน กับแจกซิมอินเตอร์เนตแก้จน มูลค่า 50 บาท อีก 6 เดือน ใช้เงินไปอีกกว่า 4,200 ล้านบาท ยังไม่รวมการปลุกผี “ช็อปช่วยชาติ” ให้ผู้คนจับจ่ายใช้สอยซื้อสินค้า 3 ประเภท คือ ยางรถยนต์ หนังสือ e-Book และสินค้าโอท็อป ในช่วง 15 ธันวาคม 2561-15 มกราคม 2562 สามารถนำรายจ่ายหักลดหย่อนได้ถึง 15,000 บาท และแจก “อั่งเปา” รับตรุษจีนก่อนการเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ปี’62 ที่ให้คืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% ให้ประชาชนที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตผูกบัญชีพร้อมเพย์ ในวงเงินไม่เกิน 20,000 บาท ตั้งแต่ 1-15 กุมภาพันธ์ 2562
แต่ขณะที่รัฐบาลประเคนมาตรการลด แลก แจก แถม ให้ประชาชนจนแทบจะสำลัก สิ่งที่มาพร้อมกับมาตรการที่เราได้รับเหล่านี้ก็คือ การที่รัฐงัดสารพัดภาษีขึ้นมาไล่เบี้ยธุรกิจ เอสเอ็มอีและประชาชน ไล่มาตั้งแต่ การปรับภาษีเหล้า เบียร์ ยาสูบไม่รู้กี่ระลอก จนทำเอาโรงงานยาสูบสำลักแทบจะกลับบ้านเก่า...ไหนจะปรับขึ้นค่าน้ำไฟ รื้อโครงสร้างภาษีรถยนต์ ไฟฟ้า ปัดฝุ่นเอาภาษีที่ดิน มรดก ภาษีความหวาน ภาษีที่ดินสิ่งปลูกสร้าง และล่าสุดที่เพิ่งผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติไปคือภาษีอี-คอมเมิร์ซ (e-Commerce) ที่จะเก็บจากธุรกรรมการค้าออนไลน์ โอนเงินเข้า-ออกบัญชีเกิน 3,000 ครั้งต่อปี หรือ 200 ครั้งต่อปี ก็มีสิทธิ์ถูกรีดภาษี
แม้แต่ภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคมที่ปัจจุบันยังเก็บงำกันเอาไว้ ก็ไม่แน่ว่าอาจถูกปัดฝุ่นขึ้นมากะซวกไส้เราได้ทุกเมื่อรวมทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่จัดเก็บ 7% ในปัจจุบันนั้น ก็ร่ำๆ จะปรับขึ้นเป็น 10% กันมาหลายระลอก หากที่สุดแล้วรัฐไม่สามารถหาเม็ดเงินมาปิดหีบจากมาตรการประชารัฐประชานิยมเกินกว่าจะจินตนาการได้ ก็ไม่พ้นจะต้องลงเอยด้วยการปรับขึ้นภาษีแวตนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…
และก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีภาษีอะไรออกมาอีก...ซึ่งเชื่อว่ามีแน่ๆ... เพราะ “โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี”.... nn
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี