บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล หรือ Healthcare Sector เมื่อวันที่ 9 มกราคม ที่ผ่านมารมว.พาณิชย์ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เปิดเผยว่าประเทศไทยมีแผนจะเพิ่มบริการรักษาพยาบาลเข้ามาอยู่ในรายการสินค้าควบคุม และจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า มาตรการนี้จะทำให้ราคายา และบริการรักษาพยาบาลลดลง เนื่องจากจะขึ้นอยู่กับข้อสรุปจากคณะอนุกรรมการชุดดังกล่าว โดยนายสนธิรัตน์ระบุว่าการใช้มาตรการนี้จะเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
…ดูเป็นลบในระยะสั้น
ตามข่าวที่ปรากฏ เรามองว่าเป็นลบกับกลุ่มโรงพยาบาล เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่า มาตรการที่จะออกมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งเราคิดว่าโรงพยาบาลเอกชนน่าจะถูกกระทบ เนื่องจากอัตรากำไรสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโรงพยาบาลในโลก (net margin อยู่ที่ประมาณ 12-20% ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของโรงพยาบาลในโลกอยู่ที่แค่ 5-10%)
อย่างไรก็ตาม อัตรากำไรที่น่าพอใจของโรงพยาบาลไทยมีสาเหตุสำคัญมาจาก i) การเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ii) จำนวนผู้ป่วยที่มี intensity สูงเพิ่มขึ้น iii) จำนวนผู้ป่วยต่างชาติเพิ่มขึ้น iv) คุมต้นทุนได้ดีกว่า และ v) มีการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลประจำปี ทั้งนี้ เมื่อมองไปข้างหน้า
เราคาดว่ามาตรการที่ออกมาน่าจะเป็นประเด็น i) คุมราคายา (ด้วยการจำกัด margin) และ ii) คุมราคาบริการรักษาพยาบาล สำหรับในส่วนของค่าธรรมเนียมแพทย์นั้น เราเชื่อว่าจะเป็นส่วนที่คุมยากที่สุด เพราะแพทย์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการรักษาพยาบาลอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม โอกาสในการคุมราคายานำเข้า และบริการรักษาพยาบาลน่าจะต้องพิจารณาอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยมีนโยบายที่จะพัฒนาเป็น “ศูนย์การทางการแพทย์”
มีรายได้จากประกันสังคมสูงดูปลอดภัยกว่า
เมื่อดูจากหุ้นในกลุ่มที่เราดูแลอยู่ ก็เห็นได้ชัดว่ามีหลายโรงพยาบาลที่ได้ทำการลงทุนอย่างหนัก (มากกว่า 1 หมื่นล้านบาท) ในรอบห้าปีที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการผู้ป่วยและรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคต สำหรับในขณะนี้ เราเชื่อว่าการลงทุนน่าจะชะลอตัวลงในช่วงสองสามปีข้างหน้าเหลือแค่ประมาณปีละ 4-5 พันล้านบาท นอกจากนี้ เรายังคาดว่าโรงพยาบาลที่มีรายได้จากประกันสังคมสูงกว่าน่าจะเผชิญแรงกดดันจากมาตรการนี้น้อยกว่า
การวิเคราะห์ Sensitivity ของ margin ที่ลดลง
ในเบื้องต้น เราคาดว่ากำไรของบริษัทในกลุ่มจะลดลงจากประมาณการในปัจจุบันประมาณ 5-8% โดยใช้สมมติฐานว่าอัตรากำไรขั้นต้นลดลง 5% ซึ่งจะส่งผลให้ราคาเป้าหมายลดลง 3-5%
เรายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลของไทยที่ Neutral เราชอบโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากประกันสังคมสูง และมีแนวโน้ม
เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2562 โดยยังคงเลือก BCH เป้นหุ้นเด่นในกลุ่ม และให้ราคาเป้าหมายที่ 21.50 บาท
ความเสี่ยงหลักจะมาจากปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองรอบใหม่ของไทย, การเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่, เศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี