บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป หรือ ERW เราคาดว่ากำไรของ ERW จะฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลางใน 4Q61F เนื่องจาก 1.การกลับมาเปิดให้บริการโรงแรม JW Marriott สุขุมวิท หลังจากที่การปรับปรุงเฟสที่ 2 เสร็จเรียบร้อย 2.เปิด 2 โรงแรมใหม่ (Ibis Style สุขุมวิท, Novotel ซอยนานาซึ่งมีจำนวนห้องพักรวมกัน 318 ห้อง) และ 3.ผลการดำเนินงานของโรงแรมที่ภูเก็ตและสมุยฟื้นตัวในระดับปานกลาง หลังจากที่ถูกกระทบจากการที่นักท่องเที่ยวจีนชะลอตัวตั้งแต่ 3Q61 โดยรวมแล้วอัตราการเข้าพัก (occupancy) ของโรงแรมอยู่ที่ประมาณ 80% (ไม่รวม Hop-Inn) ลดลงจาก 83% ใน 4Q60 เนื่องจาก occupancy ของโรงแรมใหม่ที่เปิดใน 4Q61 ยังต่ำอยู่ที่ประมาณ 60% ในขณะที่ Revpar ยังติดลบที่ -3% (จาก -4.5% ใน 2Q61 และ -4% ใน 3Q61) ทั้งนี้ occupancy ของโรงแรมที่ภูเก็ตและสมุยฟื้นตัวดีขึ้นเล็กน้อยเป็น 70% (จากระดับต่ำสุดที่ 50-60% ใน 3Q61) ซึ่งยังต่ำกว่าระดับปกติที่ >80%
ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว โดยเน้นที่กลุ่มที่ margin สูง ERW มีกลยุทธ์การขยายธุรกิจที่ชัดเจนในการที่จะมุ่งเป็นผู้ประกอบการโรงแรมประเภท economcy และเน้นขยายโรงแรมกลุ่มระดับกลาง (mid-scale), ประหยัด (economy), และ budget segment ซึ่งจะรองรับการเติบโตของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวประเทศไทย การที่บริษัทรุกขยายโรงแรมประเภท midscale & economy บวกกับการปรับปรุงโรงแรม JW Marriott ครั้งใหญ่สร้างแรงกดดันให้กับ ERW ทั้งในแง่รายได้และค่าใช้จ่ายตลอดทั้งปี 2561 แต่อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายลงไปในปี 2562 จากการเพิ่มการใช้บริการโรงแรมใหม่ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มในอัตราชะลอลง ทั้งนี้ จากการที่มีการเพิ่มจำนวนห้องพัก +1,157/+1,074 ห้องในปี 2561/62 ในกลุ่มระดับกลางที่มีมาร์จิ้นสูง ประมาณ 35-40% (สูงกว่าโรงแรมหรูถึงประมาณ 10%) ก็จะทำให้มาร์จิ้นรวมของบริษัทในปี 2562 เพิ่มขึ้น โดยเราใช้สมมุติฐานว่า EBITDA margin ปีนี้จะเพิ่มขึ้น 350bps
ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2562 อีก 5%
เราคาดว่ากำไรปี 2561 ที่กดดันด้วยปัจจัยลบหลายเรื่อง จะคลี่คลายในปี 2562 จากอัตราการเข้าพัก occupancy และค่าห้องที่เพิ่มขึ้นของโรงแรมใหม่ และโรงแรมที่ภูเก็ต และสมุยฟื้นตัว ดังนั้น เราจึงคาดว่ารายได้/ห้องพักรวม Revpar ซึ่งลดลงประมาณ 1% ในปี 2561 จะกลับมาโตในระดับปกติที่ประมาณ 3-4% ในปี 2562 ส่งผลให้รายได้ของธุรกิจโรงแรมโตที่ 10% (จากที่ทรงตัวในปี 2561) ภายใต้ใช้ EV/EBITDA ที่ 13.5x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 62F ที่ 8.50 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 8 บาท) และคงคำแนะนำซื้อ
ปัจจัยเสี่ยงจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวต่อเนื่อง, มีแผนใช้งบลงทุนก้อนโตซึ่งเพิ่มแรงกดดันกับ D/E
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี