nn การเจรจาไฮสปีดเทรนด์ เชื่อม 3 สนามบิน ดูเหมือนกระแสจะเร่งรีบกดดันให้ซีพีจบการเจรจา ทั้งที่หลายประเด็นการรถไฟฯยังไม่ตอบ เพียงแต่ย้ำว่าการ “รถไฟจะไม่รับเงื่อนไขใดๆ นอกทีโออาร์เพราะหวั่นรัฐเสียประโยชน์ แต่จะหันไปเรียกบีทีเอสมาเจรจา!!! วลีที่สังคม ถูกป้อนโปรแกรมข้อมูลจากสิ่งที่บอกต่อกันมา จนต้องตั้งคำถามว่า “แล้วรัฐเสียประโยชน์จริงหรือไม่???”
1.ซีพีไม่เคยยื่นตัวเลข 117,200 ล้านบาท และ บีทีเอส ไม่เคยยื่นตัวเลข 169,000 ล้านบาท แต่มีบุคคลปริศนา เอาตัวเลขที่เอกชนขอรัฐสนับสนุนเท่ากันปีที่ 6-15 นำมาคิดมูลค่าปัจจุบันเอง โดยใช้ตัวเลขดอกเบี้ย Discount rate 2.375% ซึ่งดอกเบี้ยอัตรานี้ ไม่มีธนาคารที่ไหนปล่อยให้เอกชนกู้ แต่ถ้าคิดอัตรานี้ จะเท่ากับบีทีเอสขอรัฐสนับสนุน 187,100 ล้านบาท (ไม่ใช่ 169,000 ล้านบาทตามข่าว) ปล่อยตัวเลขผิดแบบนี้ รัฐเสียประโยชน์หรือไม่?
2.หากทำต้นทุนเงินกู้ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง โดยใช้ดอกเบี้ยที่ 5% จะเท่ากับว่า ซีพีขอรัฐสนับสนุนเพียง 90,722 ล้านบาท ในขณะที่ บีทีเอสขอรัฐสนับสนุนสูงถึง 144,508 ล้านบาท ซึ่งบีทีเอสยังถือว่าเสนอเกินกรอบทีโออาร์แต่แรก (ครม.อนุมัติเพดานรัฐร่วมลงทุนที่ 119,425 ล้านบาท) การเรียกบีทีเอสมาคุย ทั้งที่เสนอตัวเลขสูงกว่าทีโออาร์แต่แรก รัฐเสียประโยชน์หรือไม่?
3.ในขณะที่เจรจากับซีพี ข้อมูลการเจรจาที่เป็นความลับ ถูกนำมาเสนอข่าวรายวัน ทำไมถึงไม่อนุญาตให้เอกชนเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเรื่องเป็นราว แต่กลับมีข้อห้ามเอกชนนำเสนอข้อมูล แต่ปล่อยให้เกิดข่าวลือจากห้องเจรจา ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุนไปรายวันแบบนี้รัฐเสียหายหรือไม่?
4.การที่ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ แต่เกินอำนาจกรรมการพิจารณา แต่ไม่ส่งต่อไปให้ผู้มีอำนาจพิจารณา เลือกไม่รับตั้งแต่แรกเพียงอ้างตัวอักษร ถือว่า รัฐเสียประโยชน์หรือไม่?......5.การรถไฟฯยังไม่ตอบคำถามหลายข้อจากห้องเจรจา แต่จะเร่งรีบปัดตก และเชิญรายที่สองมาเจรจา หากรีบสรุปแล้วมีปัญหาที่หลัง ดำเนินโครงการไม่สำเร็จ รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ ? 6.การเจรจารัฐบอกซีพีห้ามเปลี่ยนตัวเลขที่เสนอมา เพราะจะยึดเงินประกัน แต่ในขณะเดียวกันบอกจะเรียกบีทีเอสมาเจรจาขอลดตัวเลขที่บีทีเอสเสนอมา ผิดทีโออาร์เสียเอง แบบนี้ รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ ?
7.เงื่อนไขซีพี รัฐได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ สรุปคือ ซีพีเสนอขอรัฐสนับสนุนที่ 90,722 ล้านบาท และขอให้รัฐเอาเงินส่วนที่ต่ำกว่ากรอบครม.อนุมัติอยู่ 28,703 ล้านบาท มาตั้งกองทุนสำรองเงินกรณีฉุกเฉิน (Contingent Fund) จำนวน 28,000 ล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงโครงการ หากโครงการไม่ประสบปัญหาทางการเงิน กองทุนนี้ก็ไม่ต้องมาช่วยเหลือโครงการ ซึ่งรวมเงินที่ซีพีเสนอ รวมกับกองทุนสำรองของรัฐกรณีฉุกเฉิน ก็ยังต่ำกว่า กรอบครม.อนุมัติที่ 119,425 ล้านบาท อยู่ดี แต่กรรมการเลือกที่จะเรียกรายที่เสนอสูงกว่าหลายหมื่นล้านมาเจรจา อย่างนี้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่?
การอ้างวลีว่า ปัดข้อเสนอเงื่อนไขนอกทีโออาร์ แต่กลับจะเรียกรายที่สองที่ผิดทีโออาร์ ตั้งแต่แรกมาเจรจา ทำให้ต้องคำถามว่า รัฐได้ประโยชน์ หรือใครได้ประโยชน์ ????....งานนี้ถือเป็นการสอนมวยซีพี ว่าราคาถูกกว่าไม่ใช่ว่าจะชนะ ต้องเรียนรู้คำว่า หมูเค้าจะหาม อย่าเอาคานเข้ามาสอด!!
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี