nn ช่วงนี้ต้องฟังหูไว้หู ...เรื่องของการประมูลโครงการอภิมหาโปรเจกท์รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ที่เวลานี้มีกระแสข่าวปล่อยเพื่อต้องการสร้างความสับสนว่าโครงการไฮสปีดส่อแววล่ม พร้อมข่าวลือต่างๆ ที่หลุดออกมาจากห้องประชุม ทั้งที่ไม่ควรหลุดออกมา เช่น เงื่อนไขต่างๆ ที่มีรายละเอียดไม่ถูกต้อง กลับถูกนำออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงข่าวการเรียกบีทีเอสที่เสนอราคาสูงกว่า กรอบที่ ครม.อนุมัติมาเสียบทั้งที่ผู้เสนอราคาต่ำกว่ายังอยู่ระหว่างการเจรจา....
จากการกระทำของผู้ที่ไม่หวังดี ทำเอาบรรดานักลงทุนจากต่างประเทศต้องเข้ามาจับชีพจรสร้างความมั่นใจด้วยตัวเอง พร้อมย้ำ สนับสนุนซีพีเต็มที่ในการทำโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เพราะแสดงให้เห็นความร่วมมือและสร้างความเจริญระดับภูมิภาค…โดย เมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้หารือ ร่วมกับ นายทะดะชิ มะเอะดะ (Mr. Tadashi Maeda) ผู้ว่าการธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (Japan Bank for International Cooperation - JBIC) และถือเป็นพันธมิตรร่วมสนับสนุนทางการเงินของกลุ่มซีพีในการทำโครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน พร้อมยกโครงการไฮสปีด 3 สนามบินนี้ เป็นตัวอย่างความร่วมมือระหว่างทางการจีน ญี่ปุ่น และประเทศที่ 3 เป็นครั้งแรก.... ซึ่งจากนี้ไปทางเจบิกจะไปหารือกับทางการจีน เพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย…ทั้งนี้ คุณสมคิดย้ำว่า ทางคณะกรรมการคัดเลือก โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะมีการสรุป การเจรจา กับกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (ซีพี) และพันธมิตร ในวันที่ 19 มีนาคมนี้ จึงฝากให้ทางเจบิกไปดำเนินการให้ทันตามกรอบเวลา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทุกฝ่ายควรต้องคำนึงถึงคือ....โครงการไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ต้องเกิดขึ้นอย่างโปร่งใส ถูกต้อง เพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ แต่ทว่ากระแสจะเร่งรีบกดดันให้ซีพีจบการเจรจาโดยเร็ว ทั้งที่หลายประเด็นการรถไฟฯยังไม่ตอบ เพียงแต่ย้ำว่าการ รถไฟฯจะไม่รับเงื่อนไขใดๆ นอกทีโออาร์เพราะหวั่นรัฐเสียประโยชน์ แต่จะหันไปเรียกบีทีเอสมาเจรจา!!! จนต้องตั้งคำถามว่า รัฐเสียประโยชน์จริงหรือไม่? หรือเพียงต้องการสร้างกระแสกดดันเปลี่ยนตัวล้มประมูล...
ข้อสังเกตที่อยากให้ไตร่ตรอง และใช้สติพิจารณาว่าแท้จริงแล้วรัฐเสียประโยชน์หรือไม่?...1.ซีพีไม่เคยยื่นตัวเลข 117,200 ล้านบาท และ บีทีเอส ไม่เคยยื่นตัวเลข 169,000 ล้านบาท แต่มีบุคคลปริศนา เอาตัวเลขที่เอกชนขอรัฐสนับสนุนเท่ากันปีที่ 6-15 นำมาคิดมูลค่าปัจจุบันเอง โดยใช้ตัวเลขดอกเบี้ย Discount rate 2.375% ซึ่งดอกเบี้ยอัตรานี้ ไม่มีธนาคารที่ไหนปล่อยให้เอกชนกู้ แต่ถ้าคิดอัตรานี้ จะเท่ากับบีทีเอสขอรัฐสนับสนุน 187,100 ล้านบาท (ไม่ใช่ 169,000 ล้านบาท ตามข่าว) ปล่อยตัวเลขผิดแบบนี้ รัฐเสียประโยชน์หรือไม่?...2.หากทำต้นทุนเงินกู้ให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริง โดยใช้ดอกเบี้ยที่ 5% จะเท่ากับว่า ซีพีขอรัฐสนับสนุนเพียง 90,722 ล้านบาท ในขณะที่ บีทีเอสขอรัฐสนับสนุนสูงถึง 144,508 ล้านบาท ซึ่งบีทีเอสยังถือว่าเสนอเกินกรอบทีโออาร์แต่แรก (ครม.อนุมัติเพดานรัฐร่วมลงทุนที่ 119,425 ล้านบาท) การเรียกบีทีเอสมาคุย ทั้งที่เสนอตัวเลขสูงกว่าทีโออาร์แต่แรก รัฐเสียประโยชน์หรือไม่?
3.ในขณะที่เจรจากับซีพี ข้อมูลการเจรจาที่เป็นความลับ ถูกนำมาเสนอข่าวรายวัน ทำไมถึงไม่อนุญาตให้เอกชนเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องเป็นเรื่องเป็นราว แต่กลับมีข้อห้ามเอกชนนำเสนอข้อมูล แต่ปล่อยให้เกิดข่าวลือจากห้องเจรจา ทำลายความเชื่อมั่นนักลงทุนไปรายวัน แบบนี้รัฐเสียหายหรือไม่...4.การที่ข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ แต่เกินอำนาจกรรมการพิจารณา แต่ไม่ส่งต่อไปให้ผู้มีอำนาจพิจารณา เลือกไม่รับตั้งแต่แรกเพียงอ้างตัวอักษร ถือว่าประเทศชาติเสียประโยชน์หรือไม่…5.การรถไฟฯยังไม่ตอบคำถามหลายข้อจากห้องเจรจา แต่จะเร่งรีบปัดตก และเชิญรายที่สองมาเจรจา หากรีบสรุปแล้วมีปัญหาที่หลัง ดำเนินโครงการไม่สำเร็จ รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ …6.การเจรจารัฐบอกซีพีห้ามเปลี่ยนตัวเลขที่เสนอมา เพราะจะยึดเงินประกัน แต่ในขณะเดียวกันบอกจะเรียกบีทีเอสมาเจรจาขอลดตัวเลขที่บีทีเอสเสนอมา ผิดทีโออาร์เสียเอง แบบนี้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่ 7.เงื่อนไขซีพี รัฐได้ประโยชน์ หรือเสียประโยชน์ สรุปคือ ซีพีเสนอขอรัฐสนับสนุนที่ 90,722 ล้านบาท และขอให้รัฐเอาเงินส่วนที่ต่ำกว่ากรอบลงทุนที่ครม.อนุมัติอยู่ 28,703 ล้านบาท มาตั้งกองทุนสำรองเงินกรณีฉุกเฉิน (Contingent Fund) จำนวน 28,000 ล้านบาท เพื่อลดความเสี่ยงโครงการ หากโครงการไม่ประสบปัญหาทางการเงิน กองทุนนี้ก็ไม่ต้องมาช่วยเหลือโครงการ ซึ่งรวมเงินที่ซีพีเสนอ รวมกับกองทุนสำรองของรัฐกรณีฉุกเฉิน ก็ยังต่ำกว่า กรอบที่ครม.อนุมัติที่ 119,425 ล้านบาท อยู่ดี แต่กรรมการเลือกที่จะเรียกรายที่เสนอสูงกว่าหลายหมื่นล้านมาเจรจา อย่างนี้รัฐเสียประโยชน์หรือไม่!!
ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตา คือ การเจรจาดีลสุดท้ายวันที่ 19 มีนาคมนี้ ระหว่าง ร.ฟ.ท.กับ กิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร หรือกลุ่มซีพี ผลจะออกมาอย่างไร แต่สิ่งที่ทุกฝ่ายควรตระหนัก คือโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี