1) อย่าเป็นหนี้จน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 ปีแรกของการทำงาน พยายามอย่าเพิ่งสร้างหนี้จนเป็นอันขาด ทั้งหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล ไม่ได้บอกว่าทำบัตรเครดิตไม่ได้นะ แต่บริหารให้ดี อย่ามีหนี้ค้าง อย่าชำระขั้นต่ำ
บ้าน รถยนต์ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ยังไม่ต้องรีบซื้อ เพราะเป็นภาระระยะยาว บ้านว่าเหนื่อยแล้ว รถยิ่งเหนื่อย เพราะนอกจากผ่อนหนัก ค่าใช้จ่ายเยอะ มูลค่ายังลดลงเรื่อยๆ ด้วย
2) ออม 20% ของรายได้
ถ้าไม่มีภาระต้องส่งเสียครอบครัว ลองหาวิธีออมให้ได้ 20% ของรายได้ ใช้วิธีตัดออมก่อนใช้จ่าย ออมให้เป็นนิสัย อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง ยิ่งเริ่มออมเร็ว ยิ่งสร้างโอกาสมั่งคั่งได้เร็ว
3) เน้นทำงานเพื่อสร้างประสบการณ์
10 ปีแรก อย่ามองแต่ตัวเงิน อย่าหวังแค่น้ำบ่อหน้า ทำงานหวังเศษเงินเดือนที่แตกต่างกันไม่กี่พันบาท แต่ให้โฟกัสที่การสร้างประสบการณ์ จำไว้ว่า ความรู้ซื้อหาได้ แต่ประสบการณ์หาซื้อไม่ได้ ประสบการณ์มือสอง (ฟังเรื่องคนอื่น) ทำให้รู้มากขึ้นแต่ประสบการณ์ตัวเอง จะทำให้คุณเก่งมากขึ้น
นานวันเข้าคุณจะเข้าใจว่า ประสบการณ์เปลี่ยนเป็นเงินได้แต่ความรู้ใครๆ ก็มี คนเราถ้าอายุ 30 ขึ้นแล้วตอบตัวเองไม่ได้ว่าคุณเก่งอะไร เชี่ยวชาญอะไร หรือชอบอะไร ผมว่าชีวิตคุณมีปัญหาแล้วหละ และมีโอกาสติดกับดักรายได้แน่นอน
4) ศึกษาเรื่องการเงินการลงทุน
อย่าคิดว่าที่เรียนมานั้นพอ เรียนจบแล้วน้องยังต้องเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง ทั้งในเรื่องการงาน การสร้างอาชีพ การพัฒนาตัวเอง และที่ขาดไม่ได้ คือ การเรียนรู้เรื่องการเงินและการลงทุน
คนในยุคสมัยหน้า ถ้าไม่รู้เรื่องเงินจะกลายเป็นล้าหลัง ดอกเบี้ยเงินออมพาเราไปถึงความมั่งคั่งไม่ได้ ดังนั้นต้องรู้จักวิธีต่อยอดเงิน และบริหารเงินให้เป็น
5) ทยอยสะสมทรัพย์สิน (ก่อนซื้อหนี้สิน)
ถ้าอยากสำเร็จทางการเงิน ต้องรอคอยความสำเร็จให้เป็น บ้าน รถยนต์ หรือหนี้สินก้อนใหญ่ให้ซื้อเมื่อพร้อม และถ้าจะให้ดี ให้สร้างทรัพย์สินก่อนซื้อหนี้สิน เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างกระแเสเงินสดรายเดือนผ่อนหนี้ให้กับเรา จะได้ไม่เป็นภาระทางการเงิน
ผมเองอดทนรอ ซื้อรถตอนอายุ 34 ปี ตอนนั้นเอาเงินที่ได้จากแปลหนังสือสองเล่มไปเป็นเงินดาวน์ ส่วนเงินผ่อนก็ใช้รายได้จากธุรกิจที่ไม่ต้องลงมือทำทุกวันช่วยจ่ายให้ ทำให้มีหนี้ซื้อรถยนต์แต่ไม่เหนื่อยและไม่เครียด บ้านผมก็ทำในแบบเดียวกัน
จำไว้ว่า คนจนซื้อหนี้สิน ซื้อความสบายก่อน แล้วก็ต้องมาอดทนกัดฟันผ่อนหนี้ไปเรื่อยๆ ชีวิตการเงินไม่ก้าวหน้าในขณะที่คนรวยสร้างทรัพย์สิน เพื่อจ่ายหนี้สินให้กับตัวเอง
6) จะตัดสินใจอะไรทางการเงิน ให้นึกถึงวันข้างหน้าไว้เสมอ
ข้อนี้ตรงกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวง คือ มีภูมิคุ้มกัน ทำอะไรคิดถึงวันข้างหน้าเอาไว้ ถามตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เราทำในวันนี้มันเป็นจิ๊กซอว์ของความสำเร็จ หรือเป้าหมายเราในอนาคตหรือไม่ ถ้าใช่ ใส่ให้หนัก ถ้าไม่ใช่ ก็หลีกเลี่ยง
จำไว้ว่า ชีวิตการเงินของคนเรานั้น ไม่เคยเบาลงครับ ถ้าคุณปล่อยชีวิตตัวเองให้หนักอึ้งไปด้วยภาระตั้งแต่ 10 ปีแรกที่ทำงาน ผมบอกได้เลยว่า อีก 10 ปีถัดไป ชีวิตคุณไม่มีทางเบาลง แม้รายได้จะมากขึ้น เพราะเมื่ออายุเข้าช่วง 30-40 ปี ภาระทางการเงินคุณจะยิ่งหนักขึ้น เพราะไหนจะแต่งงาน มีครอบครัว ซื้อบ้าน ซื้อรถยนต์ ชุดใหญ่จัดเต็มแน่นอน
ดังนั้นทำชีวิตให้เบาสบายจากภาระในช่วง 10 ปีแรก โฟกัสการสร้างทรัพย์สิน ทำให้ตัวเองเกษียณทางการเงินให้เร็วที่สุด
7) ตัดความกังวลทางการเงินให้ได้ภายใน 40
ถ้าเป็นเกษียณทางการงานนั้น แล้วแต่คุณว่าจะหยุดทำงานเมื่อไหร่ แต่ถ้าเป็นการเงิน ผมมองว่าคนเราควรหยุดและหมดกังวลกับเรื่องเงินตั้งแต่อายุ 40 ปี
ผมเองมีอิสรภาพตั้งแต่อายุ 34 ปี รู้เลยว่าตัวเองโชคดีมาก การหมดกังวลเรื่องเงินได้เร็ว ทำให้คุณมีเวลาในชีวิตทำสิ่งสำคัญๆ ได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ดูแลครอบครัว ท่องเที่ยวแบบไร้ความกังวล ทำงานสาธารณประโยชน์เต็มกำลัง โดยไม่ต้องห่วงปากท้อง การใช้เวลากับงานอดิเรกที่รักตลอดเวลา ฯลฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี