nn ต้องยอมรับว่าประเทศจีนกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลกแซงหน้าสหรัฐอเมริกาภายในเร็ววันนี้....ทำให้จีนเป็นที่จับตามองของประชาคมโลกทุกจังหวะการขยับขับเคลื่อนของจีน...และในบางโอกาสก็จะถูกสกัดจากกลุ่มมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ (กลุ่มเก่า)ของโลกด้วย...และในช่วง 1-2 ปีมานี้ที่เศรษฐกิจจีนเริ่มเห็นแววของภาวะชะลอตัว...ทุกสายตาก็โฟกัสไปที่จีน เพราะนั่นหมายถึงความเปลี่ยนแปลงและแรงสะเทือนที่จะเกิดกับเศรษฐกิจโลกด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้นับตั้งแต่ปี 2015 จีนได้ผลักดันยุทธศาสตร์ Made in China 2025 (MIC 2025)มุ่งปรับเปลี่ยนแนวทางการผลิตของจีนจาก “โรงงานของโลก” เป็น “แหล่งผลิตสินค้านวัตกรรมของโลก”เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมภาคการผลิต โดยมุ่งเน้น 10 อุตสาหกรรมแห่งอนาคตเพื่อการสร้างนวัตกรรมในการผลิต
อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ปลายปี 2018 รวมถึงในที่ประชุมสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีนปี 2019รัฐบาลจีนไม่มีการกล่าวถึงยุทธศาสตร์ MIC 2025 ในที่สาธารณชน เพราะจีนถูกสหรัฐ วิจารณ์ว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่เท่าเทียมในการแข่งขันทางธุรกิจ....แต่การที่รัฐบาลจีนไม่ได้กล่าวถึง MIC 2025 ไม่ได้หมายความว่าจีนจะล้มเลิกเป้าหมายที่จะยกระดับอุตสาหกรรม แต่น่าจะเป็นเพียงการแสดงท่าทีที่จะปรับแผนยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาและเปิดรับการลงทุนจากต่างประเทศมากยิ่งขึ้นรวมถึงการลดปริมาณเงินสนับสนุนที่รัฐบาลให้แก่บริษัทและรัฐวิสาหกิจจีน โดยในการประชุมสภาผู้แทนฯ นั้น นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อ เฉียง ยังย้ำถึงเจตนาที่จะผลักดันเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่มีการระบุไว้ใน MIC 2025 เดิม
สำหรับประเทศไทยเอง...ก็เป็นหนึ่งในอีกหลายประเทศที่รับแรงสะเทือนหรือแม้แต่ฉกฉวยโอกาสจากท่าทีและบทบาทของจีนในเวทีเศรษฐกิจโลกได้... และจากแผน MIC 2025 ของจีน...อุตสาหกรรมไทยสามารถใช้ประโยชน์ได้ทั้งในด้านการส่งออก การลงทุน และการนำเข้า โดยเฉพาะด้านการส่งออกเพราะบริษัทจีนในอนาคตจะไม่เป็นเพียงโรงงานประกอบชิ้นส่วนอีกต่อไปแต่จะมุ่งเน้นด้านการผลิตสินค้าคุณภาพสูงโดยใช้เทคโนโลยีมากขึ้น....แต่นั่นก็ทำให้โครงสร้างของสินค้าส่งออกไทยไปจีนจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนตามไปด้วยเพราะไทยมีความเชื่อมโยงด้านการค้ากับจีนที่สูง ....ดังนั้นภาคการส่งออกไทยคงจะไม่สามารถส่งออกเพียงแค่วัตถุดิบหรือชิ้นส่วนอุปกรณ์เพื่อให้จีนนำไปประกอบเพื่อส่งออกต่อเหมือนที่ผ่านมา แต่บริษัทไทยจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตของตัวเองเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งจะต้องพัฒนาการส่งออกสินค้าที่มีความซับซ้อนและใช้นวัตกรรมมากขึ้นและเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมแห่งอนาคตของจีน
ทั้งนี้อุตสาหกรรมแห่งอนาคตภายใต้ยุทธศาสตร์ MIC 2025 นั้นมีความสอดคล้องกับหลายอุตสาหกรรมภายใต้ยุทธศาสตร์ Thailand 4.0 ...ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมเกษตรเทคโนโลยีชีวภาพ การบิน หุ่นยนต์ ยานยนต์สมัยใหม่ ดิจิทัล และการแพทย์....ซึ่งจีนมีแผนพัฒนาที่เน้นการสร้างชาติ และพยายามผลักดันบริษัทในประเทศตัวเอง...ซึ่งสอดคล้องกับไทยที่เน้นการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมเหล่านี้...ทำให้นี่เป็นอีกหนึ่งจังหวะที่ดีมากๆ ที่จะทำให้เกิดการร่วมมือกันในด้านการค้าและการลงทนระหว่างไทยกับจีน....
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทางการไทยเองก็ต้องเตรียมสร้างโครงสร้างพื้นที่ในทุกด้าน ไม่ว่าเป็นเรื่องโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ และ โครงสร้างทางกฎหมาย รูปแบบของกฎระเบียบและกติกาต่างๆ...เพื่อที่จะทำให้เมื่อการร่วมมือทั้งทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันแล้ว...ทุกฝ่ายจะได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมและเป็นธรรม....
กระบองเพชร
ขอบคุณข้อมูลจาก ธ.ไทยพาณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี