บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ SAWAD ตามแผนเพิ่มทุนของบริษัทเงินทุน กรุงเทพธนาทร หรือ BFIT (RO - 1:1.5 @18 บาท/หุ้น รวม 330 ล้านหุ้น) มีผู้ถือหุ้นรายย่อยใช้สิทธิ์เพียงแค่ 1 ล้านหุ้น SAWAD จึงใช้สิทธิ์ซื้อหุ้นเกินสิทธิ์ และรับซื้อหุ้นเพิ่มทุนเองทั้งหมดและสัดส่วนการถือหุ้นใน BFIT เพิ่มเป็น 78% ซึ่งเป็นระดับที่ต้องรับซื้อหุ้นคืน (Tender offer) ในการเพิ่มทุนนี้ SAWAD ใส่เงินเข้าไปแล้ว 5.9 พันล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ BFIT และต้องใส่เงินอีก 2.2 พันล้านบาท เพื่อทำ tender offer หุ้นที่เหลือของ BFIT รวมเป็น 8.1 พันล้านบาท ภายหลังเพิ่มทุน BFIT จะปลดล็อกข้อจำกัดเงินทุนและทำให้ Tier I เพิ่มเป็น 49-50% (จากแค่ 13% ในปัจจุบัน) เงินเพิ่มทุนใหม่จะทำให้ BFIT รับโอนสินเชื่อที่มาจาก SAWAD ได้อีก 2 ปี หรือ 4 หมื่นล้านบาท โดยเงินทั้งหมดที่จะใส่เข้าไปใน BFIT จะมาจากการกู้ธนาคาร ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2559 มาใส่เงินทุนเข้าไปใน BFIT แล้วประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ปรับสัญญาบริหารสินเชื่อกับ BFIT ใหม่
SAWAD ยังคงใช้กลยุทธ์การส่งการบริหารสินเชื่อไปที่ BFIT ต่อไป เพราะเป็นช่องทางหลักของ SAWAD เพื่อคิดดอกเบี้ยสินเชื่อที่มีผลตอบแทนสูงมากกว่า 28% ในปี 2561 SAWAD ได้มีการโอนสินเชื่อ BFIT ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 60% สินเชื่อที่ SAWAD ขยายเพิ่ม สินเชื่อที่โอนไปที่ BFIT จะถูก SAWAD เรียกเก็บค่าธรรมเนียมในการส่งต่อสินเชื่อ และติดตามหนี้ ภายหลังจากเข้าถือหุ้น 100% ใน BFIT แล้ว บริษัทจะทบทวนสัญญาการส่งต่อสินเชื่อ และธุรกรรมต่างๆ ถึงแม้ SAWAD จะถือหุ้น BFIT ทั้ง 100% แต่เราคิดว่าจะยังใช้สัญญาส่งต่อสินเชื่อต่อไป เนื่องจาก BFIT ถูกกำหนดให้เป็นช่องทางหลักในการระดมเงินฝากจากรายย่อย
ผลการดำเนินงานอาจไม่โดดเด่นนัก
เนื่องจากใน 2Q62 มีวันหยุดหลายวัน และรายได้ดอกเบี้ยก็ต้องลงบัญชีเป็น EIR แบบรายวัน ดังนั้น จึงจะกระทบกับยอดสินเชื่อใน 2Q62 นอกจากนี้ ข้อจำกัดด้านเงินทุนของ BFIT ก็ยังเป็นตัวจำกัดยอดโอนสินเชื่อไปที่ BFIT เพื่อเพิ่ม yield ดังนั้น เราจึงคาดว่ากำไรใน 2Q62 จะอยู่ที่ 830 ล้านบาท หรือคิดเป็น EPS ที่ 0.6 บาท เพิ่มขึ้น 11% YoY
ราคาเป้าหมาย 12 เดือนข้างหน้าที่ 53 บาท
เนื่องจากราคาหุ้นกลุ่ม non-bank ผันผวนมากในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาขึ้นและลงถึง 12-19% ในแต่ละเดือนจากผลของกระแสข่าวที่มีทั้งบวกและลบ จากการปรับกฎเกณฑ์ของทางการ, ผลประกอบการและคุณภาพ เราจึงมองว่าหุ้นกลุ่มนอนแบงก์เป็นหุ้นเก็งกำไร และในบรรดาหุ้นกลุ่ม non-bank ด้วยกัน เรามองว่า SAWAD เป็นทางเลือกที่น่าสนใจน้อยที่สุดเนื่องจากมีรูปแบบธุรกิจที่ซับซ้อน, ROE ต่ำกว่าคู่แข่ง เนื่องจากเกิด dilution จากการจ่ายหุ้นปันผลและการเพิ่มทุนแบบ PP
ปัจจัยเสี่ยงจากการปรับ LLP, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ในการกำกับดูแลบริษัทที่ทำธุรกิจด้านการเงิน
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี