nn ยังคงต้องตามติดกันต่อไปกับเรื่องการอนุมัติให้บริษัทที่ชนะโครงการประกวดราคาจ้างผลิตและจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 15 ล้านเล่มภายในระยะเวลา 7 ปี ของกระทรวงการต่างประเทศ....เพราะว่ายิ่งขุดคุ้ยลงลึกยิ่งพบเห็นความผิดปกติของการประมูลงานครั้งนี้.... เพราะนอกจากจะพบความผิดปกติของบริษัทที่ยื่นข้อเสนอที่ชนะการประกวดราคาครั้งนี้โดยเสนอใช้เทคโนโลยีแบบเลเซอร์ทำให้เกิดการปลอมแปลงง่ายซึ่งผิดหลักเกณฑ์ TOR กำหนดและต่ำกว่ามาตรฐานระดับสองแถมราคาสูงกว่าแล้ว
ยังพบอีกประเด็นสำคัญ คือ การเขียน ทีโออาร์ของกระทรวงต่างประเทศได้มีการแก้ไขทำให้ผ่านคุณสมบัติเพียงบริษัทเดียวโดยบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกครั้งที่ 2 ตกไปเพราะไม่ได้ยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคที่สำคัญต้องถ่ายภาพเสมือนจริง คือ ภาพปรุจึงเป็นเหตุให้ต้องล้มการประมูลครั้งแรก
และเมื่อเปิดประมูลครั้งที่ 2 พบว่าทีโออาร์มีการแก้ไขให้เป็นไปตามที่บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกที่กำลังเป็นปัญหาในขณะนี้ จึงมีคำถามว่าทำไมถึงต้องล้มการประมูลครั้งแรกและมาเปิดประมูลใหม่และมีการแก้ไข TOR ดังกล่าว....ในการคำนวณต้นทุนและราคาเพื่อที่จะเสนอราคาที่ดีที่สุดในการเข้าประมูล
ครั้งนี้ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือกระบวนการผลิตและเครื่องจักรที่นำมาใช้ในการผลิตโดยผู้ยื่นข้อเสนอทุกรายยกเว้นผู้ชนะการประกวดราคาได้คิดต้นทุนการผลิตโดยคำนึงถึงการใช้ Laser Perf ซึ่งทำให้ต้นทุน การผลติรวมถึงเครื่องจักรในการผลิต Laser Perf มีต้นทุนที่สูงขึ้นมาก...ขณะที่ผู้ชนะการประกวดราคาไม่ได้เสนอ Laser Perf ทำให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าผู้ที่ยื่นข้อเสนอรายอื่นๆค่อนข้างมากเป็นเรื่องที่น่าสงสัยและมีนัยอะไรหรือไม่ที่ผู้ชนะการประกวดราคาได้เปรียบผู้เสนอประมูลรายอื่นๆ ในเรื่องนี้ และที่แปลกหรือเรียกได้ว่าผิดปกติคือใน TOR ได้ระบุให้มีการจัดเก็บข้อมูลม่านตา (IRIS) อยู่ในระบบฐานข้อมูลไม่ได้จัดเก็บอยู่ในหนังสือหนังสือเดินทางอีกทั้งไม่ได้พูดถึงการนำข้อมูล IRIS มาใช้ในการ matching เพื่อพิสูจน์วัตถุบุคคล
โดยปัจจุบันยังไม่มีการนำข้อมูล IRIS หรือแม้แต่ข้อมูลชีวมาตรอื่นๆ เช่น fingerprint หรือ face มาเพื่อพิสูจน์วัตถุบุคคลในการตรวจคนเข้าเมืองเข้าประเทศอื่นๆ สังเกตได้ว่าเวลาที่เราเดินทางไปต่างประเทศเราไม่สามารถใช้ข้อมูลชีวมาตรใดๆ ของเราเพื่อพิสูจน์ในการขอเข้าประเทศนั้นได้ บางประเทศมีการ scan ลายนิ้วมือแต่นั้นเพื่อใช้อ้างอิงเวลา เข้า-ออก ประเทศเหล่านั้น ปัจจุบันมีเพียง 1-2 ประเทศเท่านั้นที่ทดลอง IRIS เพื่อพิสูจน์วัตถุบุคคลของประเทศตัวเองดังนั้นข้อมูล IRIS ไม่ได้เกี่ยวข้องในการป้องกันการปลอมแปลงหนังสือเดินทางแต่เป็นเพียงฐานข้อมูลเพื่อพิสูจน์วัตถุบุคคลเท่านั้น
ในโครงการระยะที่ 2 และรวมถึงโครงการระยะที่ 3 ครั้งที่ 1ได้มีการระบุ “ปรุภาพเสมือนภาพจริงด้วยเลเซอร์ (Image Perforation using Laser) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เทียบเท่าเป็นรูปใบหน้าของผู้ถือหนังสือเดินทาง บนหน้าข้อมูล ดังนั้น ถ้ากระทรวงการต่างประเทศอ้างว่าเป็นการเปิดกว้างเทคโนโลยีใหม่ข้อความ TOR โครงการระยะที่ 3 ครั้งที่ 2 ก็ไม่จำเป็นต้องแก้ TOR เป็น “สร้างภาพเสมือนจริงด้วยเลเซอร์เป็นรูปใบหน้าของผู้ถือหนังสือเดินทางบนหน้าข้อมูล” ผู้เข้าประมูลสามารถเสนอเทคโนโลยีอื่นๆ ได้
ส่วนข้ออ้างที่กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงว่าเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆมีนัยที่น่าสงสัยคือเวลาที่ผู้ยื่นข้อเสนอเสนอ security feature ใหม่ๆ ที่มาก กว่าและดีกว่ามาตรฐาน ICAO ในฉบับปัจจุบัน....ทำไมกระทรวงการต่างประเทศถึงไม่รับพิจารณาแต่ถึงเลือกพิจารณาที่หัวข้อการสร้างภาพเสมือนด้วยเลเซอร์เท่านั้น ??????
กระทรวงการต่างประเทศได้ทำการชี้แจงว่าผู้ชนะการประกวดราคาได้เสนอเทคนิค Windows Lock แทน Laser Perf ซึ่งในความเป็นจริงๆ แล้วเทคนิค Windows Lock เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท Gemalto ซึ่งเป็นผู้ชนะการประกวดราคาในครั้งนี้ซึ่งเทคนิคนี้เป็นการ Laser engrave ที่ชั้นผิวของ Polycarbonate ไม่ได้เป็นการ laser ทะลุทั้งแผ่น Polycarbonate หากมีชั้นผิวมีหลุดลอกจะมีผลทำให้เกิดการปลอมแปลงได้ง่าย
ข้อสงสัยที่น่าแปลกใจกระทรวงการต่างประเทศต้องมีคำตอบคือทำไมมีเพียงผู้ยื่นข้อเสนอที่ชนะการประมูลรายเดียวที่ไม่ได้เสนอเทคนิค Laser Perforation ขณะที่ผู้ยื่นข้อเสนอรายอื่นทุกรายเสนอเทคนิค Laser Perforation แต่กลับแพ้การประมูลเสมือนมีการจงใจในการเขียน TOR ให้คลุมเครือเพื่อเจาะจงตัวบริษัทที่ชนะประมูล
โดยการประกวดราคาครั้งนี้กระทรวงฯได้ใช้ระบบ e-bidding ซึ่งผู้ยื่นข้อเสนอทุกรายสามารถเสนอราคาได้เพียงครั้งเดียวตามระบบการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (e-GP) ของกระทรวงการคลัง แต่ใน TOR ครั้งที่สองได้มีการกำหนด กรอบระยะเวลาการเตรียมการค่อนข้างสั้นมากๆ มีเพียงผู้ที่ชนะการประกวดราคาเท่านั้นที่เข้าใจโจทย์นี้.....แบบนี้จะห้ามไม่ให้คนคิดได้ยังไงว่า...ข้อสอบมันรั่ว..???? ซึ่งมาตรฐานการให้คะแนนของคณะกรรมการมีบริษัทบางบริษัทที่ทำเหมือนเดิมในครั้งที่แล้วได้คะแนนเต็มแต่พอมาประมูลครั้งที่กลับได้คะแนน 0 และหลายบริษัทได้คะแนนอย่างไม่เป็นธรรม...
เอาเป็นว่าเรื่องการอนุมัติให้บริษัทที่ชนะโครงการประกวดราคาจ้างผลิตและจัดทำหนังสือเดินทางอิเล็กทรอนิกส์จำนวน 15 ล้านเล่ม ภายในระยะเวลา 7 ปี ของกระทรวงการต่างประเทศ....ยิ่งขุดคุ้ยยิ่งพบข้อกังขา...เมื่อเป็นแบบนี้แล้ว....ต่างชาติที่คิดจะมาลงทุนในไทย จะกล้าเข้ามาประมูลในไทยอีกหรือ...
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี