“ข้าพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้า จะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และปฏิบัติหน้าที่ความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ”
เป็นถ้อยคำที่นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีใหม่ทุกคนจะต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตาม มาตรา 161 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ฉบับปัจจุบัน ก่อนที่จะปฏิบัติหน้าที่
การถวายสัตย์ปฏิญาณดังกล่าวนี้ ได้กลายเป็นประเด็นร้อน เมื่อมีผู้สังเกตเห็นว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้กล่าวนำในการถวายสัตย์ปฏิญาณ ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ได้ใช้ถ้อยคำที่ถูกต้องทั้งหมดตามรัฐธรรมนูญ มีการตัดทอนข้อความบางช่วงออก และมีการเติมข้อความคำว่า ตลอดไป
ได้มีนักกฎหมาย และนักวิชาการ บางท่านแสดงความคิดเห็น ในทำนองที่ว่า เมื่อไม่ได้ถวายสัตย์ปฏิญาณตามถ้อยคำในรัฐธรรมนูญ ทำให้การดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีไม่สมบูรณ์ ไม่มีผลตามกฎหมาย
การให้ความคิดเห็นในลักษณะดังกล่าว เป็นการแสดงความคิดเห็นที่เถรตรง เกินไป ไม่ยืดหยุ่น และไม่เป็นไปตามหลักรัฐศาสตร์ ทั้งที่ตามข้อเท็จจริง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด มิฉะนั้นจะเกิดช่องว่าง ปัญหาในเรื่องความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศ
หากพิจารณาประวัติศาสตร์การเมือง ในอดีตที่ผ่านมา ได้เคยมี อดีตนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวนำการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เป็นไปตามถ้อยคำในรัฐธรรมนูญ มาแล้ว
อดีตนายกรัฐมนตรีผู้นั้นคือ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 และมีอายุน้อยที่สุดในรอบ 60 ปี ของการเมืองไทย เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2554
ในครั้งนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ถูกนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านในสมัยนั้น อภิปรายในเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ในสภาไว้แล้ว
ปัจจุบัน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลปัจจุบัน
แต่ก็ไม่มีผลใดๆ ต่อนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในครั้งนั้น จนถูกปฏิวัติในปี พ.ศ. 2557
การที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยไม่ได้ใช้ถ้อยคำถูกต้องตามรัฐธรรมนูญปัจจุบันทั้งหมด ผลจะเป็นประการใด ต้องพิจารณาดูตามเจตนาว่า ถ้อยคำที่กล่าวนั้น ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาดูแล้ว เห็นว่า ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์ แม้จะผิดพลาดไปบ้าง เป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ และไม่มีเจตนาให้ผิดพลาด
หากพิจารณาตามรัฐธรรมนูญปัจจุบัน จะเห็นว่าไม่มีบทบัญญัติข้อใด หรือมาตราใด ที่กำหนดไว้ว่า หากการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่เป็นไปตามถ้อยคำทั้งหมดตามรัฐธรรมนูญ จะมีผลให้การเข้าดำรงตำแหน่งและบริหารประเทศ ไม่สมบูรณ์ หรือเป็นโมฆะแต่ประการใด ซึ่งเท่ากับไม่มีบทบังคับในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ตามมาตรา 161 วรรคสอง ประกอบมาตรา 162 จะเห็นว่า มีบทบัญญัติและหลักกฎหมาย ที่เปิดช่องให้คณะรัฐมนตรี สามารถแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ได้ก่อนการถวายสัตย์ปฏิญาณ ซึ่งสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณในภายหลังได้
บุคคลคนที่น่าเห็นใจเรื่องนี้ มากที่สุด น่าจะมีอยู่ 2 ท่าน คือ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ถูกรุกเร้า ด้วยคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมากมาย ซึ่งในที่สุด ท่านได้ออกมาเปรยว่า จะขอแก้ปัญหานี้ด้วยตนเอง ซึ่งยังไม่มีใครทราบว่า จะใช้วิธีการใด หรือทำอย่างไรกันแน่ จึงต้องติดตามกันต่อไป
ท่านที่สองคือ อาจารย์วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ดูแลงานทางด้านกฎหมาย ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ได้มีผู้อ้างอิงตำรารัฐธรรมนูญของท่านว่า การถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี จะต้องเป็นไปตามถ้อยคำในรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นจะไม่สมบูรณ์
ได้มีผู้สอบถามท่านรองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับประเด็นนี้เป็นอย่างมาก แต่ท่านไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ซึ่งคงเป็นเพราะ อยู่ในฐานะลำบากที่จะให้ความเห็นในขณะนี้
ไม่ว่าความเห็นจะมีหลากหลาย แตกต่างกันมากมาย นายกรัฐมนตรีอาจเลือกที่จะไม่ดำเนินการใดๆ ในเรื่องนี้อีก เพราะถือว่ากระทำไปโดยไม่มีเจตนา และได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันแล้ว
อย่างไรก็ตาม หากกระแสสังคมกดดันมากจนเกินเหตุ นายกรัฐมนตรีอาจเลือกใช้วิธีการตาม มาตรา 161 วรรค 2 ประกอบ มาตรา 162
ด้วยการถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่อีกรอบ แม้จะไม่เคยปฏิบัติมาก่อน แต่เป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้ห้ามไว้ และเปิดช่องให้ดำเนินการได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี