บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคารโดยให้น้ำหนัก “เท่าตลาด” แม้ราคาต่ำ แต่ไร้สัญญาณฟื้นตัวราคาหุ้นที่ลดลง (ต่ำกว่าดัชนี SET 16% YTD) สะท้อนว่าตลาดกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการของธนาคารที่อ่อนแอเราเชื่อว่าข่าวร้ายได้สะท้อนในราคาหุ้นไปบางส่วน เนื่องจากหุ้นธนาคารส่วนใหญ่ซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี ยกเว้น TISCO (ถือ, ราคาเป้าหมาย100 บาท) และ KKP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 85 บาท) ที่มี ROE สูงกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เราไม่เห็นปัจจัยกระตุ้นสำหรับการฟื้นตัวของกำไรและเลือกธนาคารที่มีแนวโน้มกำไรดีขึ้นจากการกันสำรองหนี้สูญและการจ่ายเงินปันผลที่ดี หุ้นที่เราแนะนำให้ซื้อ ได้แก่ BBL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 225 บาท), SCB (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 160บาท) และ KKP
กำไรยังคงอ่อนแอในไตรมาส 3/62
เราคาดว่าธนาคาร 8 แห่ง ที่เราศึกษาจะรายงานผลประกอบการรวม 47.4 พันล้านบาท ในไตรมาส 3/62 เพิ่มขึ้น 4% QoQ จากกำไรพิเศษจากการขาย SCBLIFE (ไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์) แต่ลดลง 1%YoY เนื่องจากฐานสูงเป็นผลจากยอดขายของ TMBAsset managementในไตรมาส 3/61 ขณะที่การเติบโตของรายได้จะยังคงชะลอตัวเนื่องจากความต้องการสินเชื่อ (เพิ่มขึ้น 3.2% YoYและ 0.2% MoM ในเดือนสิงหาคม)และรายได้ค่าธรรมเนียมที่ชะลอตัว โดยที่ NIM คาดจะถูกกดดันในธนาคารขนาดใหญ่เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงที่ผ่านมาเราคาดว่ารายได้ non-NII จะลดลงเนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่อ่อนแอ,กำไรจากการลงทุนมีฐานที่สูงและรายได้จากการประกันภัยสุทธิที่อ่อนแอ ทั้งนี้ การเติบโตของยอดขายที่อ่อนแอ และ OPEX ที่สูงขึ้น คาดจะผลักดันอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (ไม่รวมรายการครั้งเดียว) เพิ่มขึ้นเป็น 46.3% จาก 44.7% ในไตรมาส 3/61
SCB และ TCAP คาดเติบโตแข็งแกร่ง
เราคาดว่า SCB และ TCAP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 62 บาท) จะรายงานการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่ง เนื่องจากกำไรจากการขาย SCBLIFE และกำไรจากการขายทรัพย์สินรอการขายในช่วงหลัง สำหรับกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ KBANK (ถือ, ราคาเป้าหมาย 180 บาท)และ KTB (ถือ, ราคาเป้าหมาย 19.5 บาท) น่าจะได้รับผลกระทบในทางลบจากการดำเนินงานที่อ่อนแอของธุรกิจประกันชีวิตตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลงอย่างมาก ผลประกอบการของ KTB คาดได้รับผลกระทบจาก OPEX จากกฎหมายแรงงานใหม่ขณะที่อัพไซด์จากประมาณการกำไรของเราน่าจะมาจากกำไรจากการลงทุนที่มากกว่าคาด
คุณภาพสินทรัพย์ไม่ดีขึ้น
เราคาดว่าอัตราส่วน NPL จะเพิ่มขึ้น 2bp QoQ เป็น 3.92%ในไตรมาส 3/62 ในขณะที่การตั้งสำรองน่าจะลดลง 7% YoY นำโดยผลกระทบจากฐานที่สูงของ TMB เราคาดว่าธนาคารทุกแห่งจะบันทึกการตั้งสำรองลดลง YoY ยกเว้น SCB ที่น่าจะตั้งสำรองเพิ่มขึ้น และ KKPที่คาดจะมาจากคุณภาพสินทรัพย์ที่ด้อยลงในสินเชื่อรถยนต์มือสอง
ที่มา : บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี