บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ภายใต้ความกังวลรายได้ธนาคารลดลงจากการปรับลดดอกเบี้ย แต่เราคาดว่าประเด็นนี้จะไม่กระทบกับ SCB มากนักเนื่องจากลดอัตราดอกเบี้ย MRR 50bps และ MOR 12.5bps จะถูกชดเชยไปบางส่วนโดยการปรับลดดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 25bps ทำให้โดยรวมคาดว่ารายได้ลดลงประมาณ 2.0 พันล้านบาท (หรือ 4% ของกำไรสุทธิ) แต่อย่างไรก็ตาม รายได้ที่ลดลงก็ยังจะถูกชดเชยด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการนำนโยบายบัญชี IFRS9 มาใช้ในปี 2563 ซึ่งให้ธนาคารบันทึกรายได้ดอกเบี้ยสินเชื่อบ้าน และจาก NPL ในรูปแบบผลตอบแทนรวมคาดว่าจะได้รับในอัตราคงที่ตลอดอายุ (EIR) ซึ่งคาดว่าจะทำให้ธนาคารสามารถบันทึกรายได้เพิ่มประมาณ 2.6-2.7 พันล้าน
SCB เป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่เห็นการปรับตัวอย่างรวดเร็วในการขยายธุรกิจธนาคารภายใต้โมเดลธุรกิจใหม่ด้วยการขยายสินเชื่อแบบไม่มีหลักประกันเพื่อเพิ่มผลตอบแทน (High yield) โดยสินเชื่อในกลุ่มนี้ (6% ของสินเชื่อรวม) ขยายตัว 6% QoQ, 15% YTD และ 30% YoY และมี yield สูงถึงเกือบ 20% ดังนั้น การขยายสินเชื่อกลุ่มนี้จึงช่วยให้ yield สินเชื่อของธนาคาร +20bps QoQ และ +30bps YTD ใน 3Q62 ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงรายได้ (sensitivity)
พบว่าการเพิ่มสินเชื่อประเภทนี้ทุกๆ 10% จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้น 2.8 พันล้านบาท ทำให้ yield สินเชื่อเพิ่มขึ้น 10bpsซึ่งในประมาณการของเราใช้สมมุติฐาน yield สินเชื่อที่ 4.8%/4.7%/4.7% ในปี 2562/63/64 และ NIM ที่ 3.5%/3.4%/3.4%
จากการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยกู้ให้กับบริษัทที่มีความเสี่ยงที่จะเพิกถอนหุ้นออกจากบริษัทจดทะเบียน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวชี้ว่า SCB ยังไม่ได้ตั้งสำรองหนี้เสียเต็ม 100% ในส่วนต่างระหว่างมูลค่าหลักประกันและสินเชื่อ ทำให้ความเสี่ยงจาก NPL ขนาดใหญ่ยังเป็นความเสี่ยงหลักของ SCB เนื่องจาก SCB มีสำรองส่วนเกินน้อยกว่าธนาคารอื่นๆ เราจึงคิดว่า NPL จากบัญชีสินเชื่อธุรกิจรายใหญ่จะเป็นความเสี่ยงต่อคุณภาพสินทรัพย์ของ SCB
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2562/63/64 เล็กน้อย+2%/-6%/-8% โดยปรับสมมุติฐานดังนี้ 1.ปรับลดอัตราการเติบโตของสินเชื่อลงเหลือ 4%/4%/6% (จากเดิม 8%/8%/8%) 2.เพิ่มรายได้ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจาก SCBlife ประมาณ 1.0 พันล้านบาท ในปี 2562 และ 3.ปรับลดอัตราการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมปี 2563/64 เหลือ +3%/+5% (จากเดิม +6%/+8%) ในปี 2563/64 นอกจากนี้ เรายังDe-rate P/E เหลือ 10.8x (จากเดิม 12x) คิดเป็น P/BV ที่ 1.07x ทำให้ได้ราคาเป้าหมายปี 2563F ใหม่ที่ 135 บาท (จากเดิมที่ 153 บาท)
ปัจจัยเสี่ยงจากกรณีที่ GDP โตต่ำกว่า 2.8% ในปี 2562/63 ทำให้ NPL เกิดใหม่เพิ่มขึ้น
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี