nn ข้อตกลงการค้าระยะแรก (Phase-1 deal)ทำให้ความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าโลก และผลกระทบของสงครามการค้าเริ่มลดลง สะท้อนจากอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่เก็บบนสินค้าจีนเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักลดลงเหลือ 19.3% (เทียบกัน 23.8% หากไม่เกิด Phase-1 deal และ 21.0% ที่เก็บอยู่ในปัจจุบัน) อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามผลกระทบจากการที่จีนกำลังจะนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น(ครอบคลุมสินค้าเกษตร พลังงาน อุตสาหกรรมและบริการต่างๆ) ที่จะมีต่อการส่งออกและห่วงโซ่การผลิต (supply chain) ของประเทศที่เคยเป็นคู่แข่งของสหรัฐฯ ในสินค้ากลุ่มนั้นๆ รวมถึงความไม่แน่นอนจากรายละเอียดและการปฏิบัติตามการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างของจีน
นอกจากนี้ความไม่แน่นอนประเด็น Brexit ลดลง หลังพรรคอนุรักษ์นิยม(Conservative) ได้เสียงข้างมาก (outright majority) จากการเลือกตั้งทั่วไป และน่าจะทำให้ข้อตกลง Brexit ของนายบอริส จอห์นสัน มีโอกาสผ่านในรัฐสภามากขึ้น รวมถึงโอกาสสูงขึ้นที่สหราชอาณาจักรจะออกจากสหภาพยุโรปได้ภายในวันที่ 31 มกราคม 2020 ซึ่งหมายถึงโอกาสการเกิด No-deal Brexit และการลงประชามติรอบที่ 2 ที่ลดลง อย่างไรก็ตามรูปแบบความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปในอนาคตยังมีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากมีเวลาในการเจรจารูปแบบความสัมพันธ์ดังกล่าวเพียง 11 เดือน(นับจาก 31 มกราคมถึง 31 ธันวาคม 2020 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน (transitionperiod) ทำให้มีโอกาสสูงที่ นายบอริส จอห์นสันจะเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อขอเลื่อนช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่านออกไป
จากความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกที่ลดลงดังกล่าว คาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2020 ในกรอบ 1.50%-1.75% จากเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงด้านต่ำลดลง ภาวะการเงินสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายขึ้น และการส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยของ Fed ในรอบประชุมที่ผ่านมา นอกจากนั้นความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ลดลง น่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้านต่ำของภาคการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมของโลกและไทยในปี 2020ได้ในระดับหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนจะผ่อนคลายลง แต่ยังมีความเสี่ยงที่มาตรการกีดกันทางการค้าสหรัฐฯ ต่อสหภาพยุโรปจะยังคงอยู่หรือยกระดับความรุนแรงได้ในระยะต่อไป สำหรับข้อพิพาทสหรัฐฯ-สหภาพยุโรปในประเด็นที่สหรัฐฯ แจ้งว่าสหภาพยุโรปมีการอุดหนุนอุตสาหกรรมการบิน (Airbus)อย่างไม่เป็นธรรม และส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ (Boeing) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2019 สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าที่อัตรา 10% ในหมวดเครื่องบินและ 25% ในสินค้าเกษตรและอื่นๆ เช่น เช่น นม เนย และโยเกิร์ต ที่จะมาจากประเทศฝรั่งเศส เยอรมนี สเปนและสหราชอาณาจักร รวมมูลค่าราว 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อตอบโต้การอุดหนุนอุตสาหกรรมการบิน (Airbus) โดยอ้างว่าสหราชอาณาจักรให้เงินอุดหนุนเพื่อพัฒนาโรงงานผลิต และจัดหาเงินทุนสำหรับการออกแบบและพัฒนาเครื่องบิน ในปี 2018 สหรัฐฯ นำเข้าเครื่องบินจากฝรั่งเศส เยอรมนีและสหราชอาณาจักร รวมกันมีสัดส่วน 64.5% ของมูลค่าการนำเข้าเครื่องบินทั้งหมด ขณะเดียวกันสหภาพยุโรปได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ มูลค่าราว 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่น เคมีภัณฑ์ และสินค้าเกษตร เป็นต้น
ทั้งนี้ทั้ง 3 ประเด็นที่เกิดขึ้นมีผลต่อเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของโลกและไทย เช่นคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2020 ในกรอบ 1.50%-1.75% จากเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงด้านต่ำลดลง ภาวะการเงินสหรัฐฯ ที่ผ่อนคลายขึ้น และการส่งสัญญาณคงดอกเบี้ยของ Fed ในรอบประชุมที่ผ่านมาและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่ลดลง น่าจะช่วยลดความเสี่ยงด้านต่ำของภาคการส่งออกและภาคอุตสาหกรรมของโลกและไทยในปี 2020
Economic Intelligence Center (EIC)
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี