nn ในช่วงสัปดาห์ก่อนหลายหน่วยงานวิชาการทางด้านเศรษฐกิจ...ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ม.หอการค้าไทย ธนาคารพาณิชย์ 2-3 แห่ง ก็ออกมาปรับลดการประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ซึ่งก็สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ของอีกหลายสำนักที่ออกมาล่าสุดในวันที่ 5 ก.พ. อย่างเช่น บทวิเคราะห์ของ ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics (ทีเอ็มบี อนาลิติกส์)ที่ระบุว่าเศรษฐกิจไทยเผชิญปัจจัยเสี่ยงจากผลกระทบการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาความล่าช้าของงบประมาณปี’63 และภัยแล้งรุนแรง สร้างความเสียหายกว่า 2.8 แสนล้านบาท
สถานการณ์ล่าสุดองค์การอนามัยโลกประกาศการระบาดของไวรัสโคโรนาเป็นภัยฉุกเฉินสากล (PHEIC) เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไม่ให้ลามไปทั่วโลกและรัฐบาลจีนยังเดินหน้าใช้มาตรการป้องกันการลุกลามอย่างเข้มงวด TMB จึงประเมินผลกระทบความรุนแรงจากไวรัสครั้งนี้อยู่ในวงจำกัดโดยผลกระทบ
รุนแรงจากการลดลงของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนและการส่งออกไปจีนจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรก และมีแนวโน้มปรับดีขึ้นเมื่อสถานการณ์คลี่คลาย คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปี 2563 อยู่ที่38.7 ล้านคน รายได้ภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจเกี่ยวข้องลดลง 1 แสนล้านบาท รวมทั้งยอดส่งออกไปจีนจะลดลง 2.8 หมื่นล้านบาทฉุดภาพรวมส่งออกทั้งปี’63 เติบโตลดลงเหลือ 0.6% จากเดิมมองที่ 1.2%
ส่วนเม็ดเงินลงทุนที่สะดุดไป 6.6 หมื่นล้านบาทจากความล่าช้าของงบประมาณปี 2563 ฉุดการลงทุนภาครัฐโตแค่ 2% โดยการเบิกจ่ายงบลงทุนในไตรมาสแรกของปี’63 จะอยู่ในระดับต่ำต่อ เนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 แต่มีแนวโน้มที่งบลงทุนในช่วงที่เหลือของปีจะเบิกจ่ายได้ในอัตราเร่งขึ้น ภายใต้เงื่อนไขกระบวนการเบิกจ่ายงบประมาณสามารถทำได้ภายในไตรมาสสองส่งผลให้อัตราการเบิกจ่ายงบลงทุนในปีนี้จะอยู่ที่ 60% ซึ่งต่ำกว่าระดับ 70% ของปีก่อนหน้าอย่างไรก็ดี คาดเม็ดเงินลงทุนของรัฐวิสาหกิจจะสามารถเบิกจ่ายในระดับสูงกว่าปีที่ผ่านมา ส่งผลให้การลงทุนภาครัฐโดยรวมเติบโตลดลงเหลือ 2% จากเดิมคาด 6%
ขณะที่ปัญหาแล้งที่เกิดขึ้นเร็วและรุนแรง จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์ฝนแล้งจะยาวนานจนถึงเดือนมิถุนายน โดยปริมาณฝนจะต่ำกว่าค่าปกติ 10% ในทุกภาค และปริมาณน้ำในเขื่อนเฉลี่ยทั้งประเทศอยู่ที่ระดับ 43% ใกล้เคียงกับปี 2548 ที่เกิดวิกฤติภัยแล้งที่มีความรุนแรงมากสุดในรอบ 40 ปี ส่งผลต่อรายได้ภาคเกษตรและปัจจัยที่กดดันการบริโภคภาคเอกชนให้มีแนวโน้มชะลอลงสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ 6 หมื่นล้านบาท ส่วนมาตรการพยุงเศรษฐกิจ คาดว่าจะชดเชยผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงได้ราว 0.2%โดยสรุป จาก 3 ปัจจัยลบ ที่กดดันการขยายตัวของเศรษฐกิจ แม้มีมาตรการรัฐเข้าพยุง เชื่อว่าจะไม่สามารถชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้น พร้อมๆ กันทำให้เศรษฐกิจไทยปี 2563 มีแนวโน้มขยายตัวลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.7% เหลือ 1.7-2.1%
ขณะเดียวกัน Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ก็ได้ออกบทวิเคราะห์ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 2020 เหลือ 2.1% (เดิมคาด 2.7%)จากผลกระทบโรคระบาดไวรัสโคโรนา 2019 และ ความล่าช้าของการจัดทำงบประมาณ
โดยระบุว่า โรคระบาดไวรัสโคโรนาส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยใน 2 ช่องทางหลัก คือภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก โดยจากมาตรการที่เข้มงวดของทางการจีน ด้านการห้ามไม่ให้กรุ๊ปทัวร์ออกนอกประเทศ ประกอบกับความตื่นกลัวของผู้คนในหลายประเทศทั่วโลก ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยน้อยลงนอกจากนี้ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนและอีกหลายประเทศที่ได้รับผลกระทบในช่วงไตรมาสที่ 1จึงมีแนวโน้มส่งผลต่อภาคส่งออกของไทยในระยะข้างหน้า ขณะที่ในส่วนของการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยของคนไทย คาดว่าก็จะได้รับผลกระทบเช่นกันจากความตื่นกลัวของสถานการณ์โรคระบาด จึงเป็นความเสี่ยงสำคัญต่อการบริโภคภาคเอกชน และยังส่งผลต่อการหยุดชะงักของการผลิตและขนส่ง (supply disruption) เนื่องจากมาตรการควบคุมการเดินทางและขยายวันหยุด รวมถึงมาตรการอื่นๆ ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตและการขนส่งของจีน ซึ่งจะมีทั้งผลดีและผลเสียต่อภาคธุรกิจไทย กล่าวคือ ธุรกิจที่มีฐานการผลิตในจีนหรือต้องพึ่งพาวัตถุดิบจากจีนในการผลิต หรือเป็นธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน จะได้รับผลกระทบจากการหยุดชะงักดังกล่าว
ส่วนความล่าช้าของการอนุมัติ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ที่ทำให้การใช้จ่ายงบประมาณล่าช้าออกไปอีก 1-2 เดือน จากเดิมที่คาดว่า จะผ่านร่างได้ภายในเดือนมกราคม จะทำให้อัตราเติบโตของรายจ่ายลงทุนก่อสร้างภาครัฐปรับลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 8% เหลือ 4.6% แม้ว่ารายจ่ายประจำสามารถใช้กรอบรายจ่ายเดิมบิกจ่ายไปพลางก่อนได้ แต่รายจ่ายลงทุน (ที่ยังไม่ก่อหนี้ผูกพัน) จะไม่มีกรอบรายจ่ายเดิมให้อ้างอิง จึงได้รับผลกระทบมาก
จากปัจจัยเสี่ยงที่มีตอนนี้ก็ต้องยอมรับว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ ยังมองไม่เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์เลย แต่อย่างน้อยบทวิเคราะห์ต่างๆที่ออกมาก็เหมือนกับเป็นการชี้ให้ทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลมองเห็นแล้วว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน มีโจทย์ตรงไหนที่ให้แก้ และขอให้รัฐบาลอย่าได้คิดว่านี่เป็นการออกมาสร้างภาพลบหรือกระแสข่าวในแง่ลบให้รัฐบาลเพื่อบั่นทอนความเชื่อมั่น แต่ขอให้ใช้โอกาสนี้แสดงฝีมือ เพราะผู้นำที่เก่งก็จะได้เห็นกันในช่วงวิกฤตินี่แหละ
กระบองเพชร
ขอบคุณข้อมูล
ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี