บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทบัตรกรุงไทย หรือ KTC จากการเปลี่ยนมาใช้มาตรฐานบัญชี TFRS9จะทำให้โครงสร้างกำไรของ KTC และตัวชี้วัดคุณภาพสินทรัพย์เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งมีทั้งด้านบวกและลบ โดยในด้านบวกจะทำให้การกันสำรองลดลงอย่างมาก เพราะ TFRS9 ไม่เปิดช่องให้ KTCตัดหนี้สูญเมื่อมีการผิดนัดชำระสามเดือน ซึ่ง KTC ตัดหนี้สูญสูงถึง 5.9 พันล้านบาท ในปี 2561 และ 6.3 พันล้านบาท ในปี 2562และทำให้การตัดหนี้สูญในอนาคต และจะต้องลดลง เมื่ออิงจากคุณภาพสินทรัพย์ในปัจจุบัน KTC บอกว่าการตัดหนี้สูญจะอยู่ที่ประมาณปีละ 400-500 ล้านบาท ทำให้การตั้งสำรองฯลดลงตามไปด้วย ภายใต้สมมุติฐานอัตราการติดตามหนี้เสียคืนได้อยู่ที่ประมาณ 60-70% จากข้อมูลนี้ เราคาดว่า KTC น่าจะกันสำรองประมาณปีละ 3.0 พันล้านบาท (ลดลงจากปีที่แล้วครึ่งหนึ่ง)
จากข้อมูลในอดีต KTC จะหนี้สูญเมื่อลูกหนี้ผิดนัดชำระ >90 วัน และเมื่อติดตามหนี้กลับมาได้ก็จะรับรู้รายได้จากการติดตามหนี้เสียคืนมาได้ในภายหลัง ทั้งนี้ KTC บอกว่าสินเชื่ออายุ 2-3 ปี ที่มีการตัดหนี้สูญสะสมอยู่ที่ประมาณ 18-20 พันล้านบาทและอัตราการติดตามคืนหนี้ได้ 60-70% หมายความว่า บริษัทจะสามารถติดตามหนี้เสียคืนมาได้ประมาณ 1.0-1.1 หมื่นล้านบาทซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้ในงบ P/L ประมาณ 3.4 พันล้านบาทในปี 2563 และ 3.0 พันล้านบาท ในปี 2564
ส่วนในแง่ลบนั้น การที่ TFRS9 นั้นจำกัดการตัดหนี้สูญทำให้ตัวชี้วัดคุณภาพสินทรัพย์เปลี่ยนไป โดยสัดส่วน NPL ที่บริษัทรายงานจะค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็น 3% ใน 1Q63, 4.5% ใน 2Q63, 6% ใน 3Q63 และ 7.2% ใน 4Q63 (จาก 1% ในปี 2562)แต่อย่างไรก็ตาม สัดส่วน NPL จะค่อยๆ ลดลงเหลือ 300% ใน 1Q63 และ <200% ใน 4Q63 (จาก 620% ในปี 2562) ทั้งนี้ NPL ที่เพิ่มขึ้น และ สัดส่วน NPL coverage ที่ลดลงจะอิงจากการ write-off NPL ที่ลดลงอย่างมากเหลือแค่ปีละ 450 ล้านบาท (จากเดิมปีละ 6 พันล้านบาท)
เราปรับประมาณการกำไรเพิ่มประมาณการกำไรปี 2562/64 ขึ้นอีก +12%/+18% เพื่อสะท้อนถึงการปรับลดสมมุติฐานการกันสำรองปี 2563/64 ลงเหลือ 5.1/4.1 พันล้านบาท (จากเดิม 6.0/6.2 พันล้านบาท) คิดเป็น credit cost ที่ 526bps/375bps (ลดลงจากเดิมที่ ปีละ 720bps) เรามองว่า upside/downside จะขึ้นอยู่กับการติดตามหนี้ NPL ซึ่งหากใช้สมมุติฐานอัตราการติดตาม NPL คืนมาได้ 50% ค่าใช้จ่ายกันสำรองน่าจะอยู่ที่ปีละประมาณ 3.5 พันล้านบาท และจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท หากสามารถติดตาม NPL ได้ 40% (สมมุติฐานในกรณีฐานของเราอยู่ที่ 35%) เมื่อใช้ P/E ที่ 18x (re-rate จากเดิมที่ 15.5x) ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 48 บาท (จากเดิมที่ 36 บาท)
ปัจจัยเสี่ยงจากการแข่งขันที่เข้มข้นกดดันให้ค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้น และ NPL เพิ่มขึ้น
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี