เมื่อกลางเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านนายหน้าสามี-ภรรยาชาวจีน ขบวนการอุ้มบุญข้ามชาติย่านนาคนิวาส กรุงเทพฯ และเข้าจับกุมสามี-ภรรยาชาวจีน พร้อมคนไทยร่วมขบวนการเกือบ 10 คน นอกจากนี้ ยังพบหญิงไทยที่รับจ้างตั้งท้องอีก 7 คน และทารกวัยแบเบาะ 2 คน มีการยึดทรัพย์ร่วม 100 ล้านบาท
วิธีการของขบวนการนี้ คือ นายหน้าชาวจีนรับคำสั่งจากเศรษฐีชาวจีน และหาสาวไทยให้ตั้งครรภ์แทน โดยให้ค่าตอบแทน 4-5 แสนบาทต่อการคลอดลูก 1 คน ถ้าเป็นฝาแฝดจะได้ค่าจ้าง 6 แสนบาท หากตกลงกันได้ จะพาไปฉีดสเปิร์มที่ประเทศเพื่อนบ้าน หากเชื้อติด สาวไทยจะได้ค่าตอบแทนเบื้องต้น 5 พันบาท และพากลับมาตั้งครรภ์ในไทย คนของขบวนการนี้ จะช่วยดูแลระหว่างตั้งครรภ์ เมื่อตั้งครรภ์ได้ 6-7 เดือน จะเตรียมเอกสารขอวีซ่าเข้าประเทศจีน เพื่อไปคลอดที่นั่น กรณีที่เด็กคลอดที่ไทย จะมีพี่เลี้ยงของขบวนการนี้ ช่วยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผูกพันความเป็นแม่และลูก
การอุ้มบุญ คือ การให้หญิงคนอื่นตั้งครรภ์จากการปฏิสนธิภายนอกร่างกายแทนคู่สามีภรรยาที่ไม่สามารถมีลูกได้การปฏิสนธิอาจใช้สเปิร์มและไข่จากคู่สามีภรรยาดังกล่าว หรือเป็นสเปิร์มหรือไข่จากคนใดคนหนึ่งผสมกับสเปิร์มหรือไข่ที่ได้รับบริจาคจากผู้อื่น แล้วจึงนำตัวอ่อนฝังเข้าไปในมดลูกของหญิงที่อุ้มบุญ หรืออาจจะใช้ตัวอ่อนที่ได้รับการผสมเทียมจากภายนอก ที่เรียกกันว่า “เด็กหลอดแก้ว หรือ IVF (In Vitro Fertilization)” ฉีดเข้าไปในมดลูกของผู้หญิงที่รับจ้างอุ้มบุญ ในกรณีนี้ทั้งพ่อและแม่ต้องมีความสัมพันธ์กันกับตัวอ่อนในท้องของหญิงรับจ้างอุ้มบุญ
การอุ้มบุญ กลายมาเป็นที่สนใจว่าตามกฎหมายไทย กำหนดเรื่องนี้เช่นไร
การอุ้มบุญในประเทศไทย จะบังคับตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อกำหนดสถานะความเป็นบิดามารดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ให้เหมาะสมตลอดจนควบคุมการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์การแพทย์เกี่ยวกับตัวอ่อนและเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์มิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง
ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ “เทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์” หมายความว่า กรรมวิธีใดๆ ทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่นำอสุจิและไข่ออกจากร่างกายมนุษย์ เพื่อให้เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่เป็นไปตามธรรมชาติ รวมทั้งการผสมเทียม “การผสมเทียม” หมายความว่า การนำอสุจิเข้าไปในอวัยวะสืบพันธุ์ของหญิงเพื่อให้หญิงนั้นตั้งครรภ์โดยไม่มีการร่วมประเวณี “การตั้งครรภ์แทน” หมายความว่า การตั้งครรภ์โดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ โดยหญิงที่รับตั้งครรภ์แทนมีข้อตกลงเป็นหนังสือไว้กับสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายก่อนตั้งครรภ์ว่าจะให้ทารกในครรภ์เป็นบุตรของสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายนั้น
ตามพ.ร.บ. คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ การดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนอย่างน้อยต้องเป็นไปตามเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
(1) สามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งภริยาไม่อาจตั้งครรภ์ได้ที่ประสงค์จะมีบุตรโดยให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน ต้องมีสัญชาติไทย ในกรณีที่สามีหรือภริยามิได้มีสัญชาติไทยต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่าสามปี
(2) หญิงที่ตั้งครรภ์แทนต้องไม่ใช่บุพการีหรือผู้สืบเชื้อสายของคู่สามีภริยา
(3) หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนต้องเป็นญาติสืบสายโลหิตของสามีหรือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายตาม (1) ในกรณีที่ไม่มีญาติสืบสายโลหิตของสามีหรือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายให้หญิงอื่นรับตั้งครรภ์แทนได้ ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขประกาศกำหนด โดยต้องมีสัญชาติเดียวกันกับสามีหรือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายที่ประสงค์จะมีบุตรโดยให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และไม่เกิน40 ปีบริบูรณ์ และต้องเคยมีบุตรมาแล้วโดยการคลอดธรรมชาติไม่เกิน 3 ครั้ง หรือในกรณีผ่าคลอดไม่เกิน 1 ครั้ง
(4) หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนต้องเป็นหญิงที่เคยมีบุตรมาก่อนแล้วเท่านั้น ถ้าหญิงนั้นมีสามีที่ชอบด้วยกฎหมายหรือชายที่อยู่กินฉันสามีภริยา จะต้องได้รับความยินยอมจากสามีที่ชอบด้วยกฎหมายหรือชายดังกล่าวด้วย
การดำเนินการให้มีการตั้งครรภ์แทนทำได้ 2 วิธี คือ (1) การใช้ตัวอ่อนที่เกิดจากอสุจิของสามีและไข่ของภริยา หรือ (2) การใช้ตัวอ่อนจากอสุจิสามีหรือไข่ภริยาไปผสมกับไข่หรืออสุจิของผู้อื่น โดยมีข้อห้ามไม่ให้ใช้ไข่ของหญิงที่ตั้งครรภ์แทน
เด็กที่เกิดจากอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนของผู้บริจาค ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 ไม่ว่าจะกระทําโดยการให้ภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายของสามีซึ่งประสงค์จะมีบุตรเป็นผู้ตั้งครรภ์หรือให้มีการตั้งครรภ์แทนโดยหญิงอื่น ให้เด็กนั้นเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของสามีและภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งประสงค์จะมีบุตร แม้ว่าสามีหรือภริยาที่ชอบด้วยกฎหมายซึ่งประสงค์จะมีบุตรถึงแก่ความตายก่อนเด็กเกิด
สำหรับชายหรือหญิงที่บริจาคอสุจิ หรือไข่ซึ่งนํามาใช้ปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนเพื่อการตั้งครรภ์ หรือผู้บริจาคตัวอ่อนและเด็กที่เกิดจากอสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อนที่บริจาคดังกล่าว จะไม่มีสิทธิและหน้าที่ระหว่างกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยครอบครัวและมรดก
ตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีฯ การรับจ้างตั้งครรภ์ ห้ามทำเพื่อประโยชน์ทางการค้า การฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาท การกระทำการเป็นคนกลางหรือนายหน้า โดยเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด เพื่อเป็นการตอบแทนในการจัดการ หรือชี้ช่องให้มีการรับตั้งครรภ์แทน ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งการโฆษณาหรือไขข่าวให้แพร่หลาย เกี่ยวกับการตั้งครรภ์แทนว่า มีหญิงที่ประสงค์จะเป็นผู้รับตั้งครรภ์แทนผู้อื่น หรือมีบุคคลที่ประสงค์จะให้หญิงอื่นเป็นผู้รับตั้งครรภ์แทน ไม่ว่าจะได้กระทำเพื่อประโยชน์ทางการค้าหรือไม่ ถือว่ามีความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฎหมายได้กำหนดห้ามอุ้มบุญเพื่อประโยชน์ทางการค้า แต่ในความเป็นจริงคงเป็นเรื่องยาก ที่จะห้ามคู่สามีภริยา ตอบแทนความมีน้ำใจให้แก่หญิงผู้ยอมลำบาก อุ้มบุญแทนให้ ไม่ว่าจะเป็นการให้ด้วยเงิน ทรัพย์สิ่งของ หรือประโยชน์อื่นใด หากบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัดเกินไป และไม่ยืดหยุ่นตามสมควร ทุกกรณีอาจถือว่า ผิดกฎหมายหมด ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงเกินไป
แม้กฎหมายจะมีเงื่อนไขในกรณีที่หญิงอุ้มบุญหรือตั้งครรภ์แทน แต่ในบางกรณี อาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะวินิจฉัยว่า เป็นอุ้มบุญ หรือ อุ้มบาปกันแน่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี