nn แม้ว่าช่วงนี้คะแนนนิยมของรัฐบาลกำลังตกลงอย่างหนัก...จากเรื่องเศรษฐกิจที่ตกต่ำ....โดยเฉพาะการบริหารจัดการเรื่องการรับมือกับการระบาดของ โควิด-19...ทั้งในประเด็นเรื่องหน้ากากอนามัย...การรับมือกับพวกแรงงานไทยผิดกฎหมายในเกาหลีใต้“ผีน้อย” ที่จะกลับประเทศ...แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่“โลกการค้า” อยากปรบมือให้ในการตัดสินใจ...ที่ยืนยันว่าไทยจะไม่ขอเปิดนำเข้าเนื้อสุกรสหรัฐ ไม่ว่าจะมาจากส่วนใดของสุกรก็ตาม เนื่องจากไทยห้ามนำเข้าเนื้อสุกรที่มีการใช้สารเร่งเนื้อแดงจากสหรัฐ เพราะไทยได้ศึกษาการประเมินความเสี่ยงของสารแล้ว และมีความกังวลด้านความปลอดภัยของอาหาร เนื่องจากคนไทยบริโภคเครื่องในสุกรที่เป็นอวัยวะส่วนที่มีการตกค้างของสารดังกล่าวมากกว่าเนื้อสุก....แม้ไทยจะรู้ดีว่านี่คือในประเด็นที่สหรัฐกดดันไทยมาตลอด และอาจจะใช้เป็นข้ออ้างที่ระงับสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (GSP) กับไทย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 เมษายน 2563 โดยจะมีผลกระทบกับสินค้า 573 รายการ ส่งผลให้ผู้ประกอบการที่อยู่ในรายการสินค้าดังกล่าวจะต้องเสียภาษีเพิ่ม 4-5% คิดเป็นยอดเสียภาษีรวมประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาท....โดยสรุปในประเด็นนี้ก็คือ....รัฐบาลโดยกระทรวงพาณิชย์ จะหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป แต่จะไม่เอาชีวิตและสุขภาพของคนไทยเข้าไปเสี่ยง....
แน่นอนว่าการห้ามนำเข้าสินค้าจากประเทศใดด้วยการให้เหตุผลด้านสุขภาพของคนในประเทศนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ และประเทศที่ถูกระงับการนำเข้าก็ไม่สามารถไปฟ้องร้องต่อองค์การการค้าโลก (WTO) ได้ว่าไทยกีดกันทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรม และที่ “โลกการค้า”อยากจะพูดถึงก็คือ...เหตุผลว่าด้วยผลกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศ...ก็สามารถหยิบเอามาเป็นเหตุผลในการจำกัด หรือระงับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศได้เช่นกัน...แต่เท่าที่รู้ตั้งแต่ไทยเป็นสมาชิก WTO เรายังไม่เคยทำ แม้ผู้ประกอบการในประเทศหลายรายต้องปิดกิจการไปแล้ว....ตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุดคือผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กของไทยนั่นเอง
เอาล่ะแม้ว่ากระทรวงพาณิชย์จะบอกว่าไทยเองก็มีมาตรการดูแลอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ เช่น มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD)...มาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด)...มาตรการตอบโต้การหลบเลี่ยง (Anti Circumvention : AC)...แต่ก็ต้องตั้งคำถามกับประสิทธิภาพของมาตรากรเหล่านี้ของไทย...เพราะปริมาณเหล็กนำเข้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันมาหลายปี...ไม่ต้องย้อนไปไกลให้เสียเวลา..เอาแค่ปี 2561 ซึ่งเป็นปีที่มีการเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์ ใช้มาตรการอย่าเข้มข้น...การนำเข้าเหล็กก็สูงถึง 12.056 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ เหล็กบางชนิด เพิ่มขึ้นในระดับล้านตัน ทั้งที่ก่อนหน้ามีการนำเข้าเพียงไม่กี่หมื่นตัน....ส่วนปี 2562 ก็เป็นอีกปีกระทรวงพาณิชย์ยีนยันว่าได้ใช้มาตรการอย่างเข้มข้น...แต่ปริมาณการนำเข้าเหล็ก กลับสูง 12.220 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปี’61 ประมาณ 1.5% ส่วนกำลังผลิตเหล็กในประเทศ อยู่ที่ 7.6 ล้านตัน ลดลง 15%
ปัญหาสำคัญมันอยู่ตรงที่ในปี 2562 ปริมาณการใช้เหล็กในประเทศไทย อยู่ที่ 18.470 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อนหน้า 4.5%...ซึ่งเท่ากับว่าตลาดของเหล็กหดลง แต่เหล็กนำเข้ากลับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเหล็กทรงแบน(อันนี้ต้องยอมรับว่าเพราะกระทรวงพาณิชย์ยกเลิกเซฟการ์ด)...และนี่เองที่ทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กโดน 2 เด้ง...คือทั้งขนาดตลาดที่เหล็กลง และส่วนแบ่งการตลาดที่ถูกแย่งไปโดยเหล็กนำเข้า....นึกภาพออกไหมว่าทำธุรกิจในสภาพแบบนี้ มันจะรอดได้ยังไง ?????
ที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดในปีนี้...คือเหล็กจีนกำลังราคาร่วงอย่างหนัก และยังอยู่ในช่วงขาลงอีก ด้วยเหตุที่เศรษฐกิจหดตัวแรง ทำให้ปริมาณเหล็กเหลือเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าจ้องจะส่งออกเข้ามาตีตลาดในอาเซียนโดยเฉพาะไทย(เพราะมาตรการปกป้องอ่อนแอที่สุด)....ประเทศตุรกี ก็เพิ่มการผลิตเพื่อขายเหล็กในปริมาณมากขึ้นให้แก่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้....ขณะที่อิหร่าน ซึ่งถูกสหรัฐคว่ำบาตรทางการค้าทำให้ไม่สามารถขายเหล็กให้สหรัฐและชาติพันธมิตรของสหรัฐได้ จึงต้องหาโอกาสในตลาดใหม่ โดยเฉพาะอาเซียน และตะวันออกกลาง ซึ่งจุดสังเกตสำคัญของอิหร่านคือ...แม้จะถูกสหรัฐคว่ำบาตรทาการค้า แต่ในปี’62 อิหร่านก็ยังส่งออกผลิตภัณฑ์เหล็กกึ่งสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์เหล็กสำเร็จรูปได้ประมาณ 6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นถึง 25-30%
แน่นอนว่าในขณะที่ประเทศไทยวางงบประมาณการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานไว้ถึงกว่า2 ล้านล้านบาท ปริมาณความต้องการใช้เหล็กจึงเพิ่มขึ้นแน่นอน จึงเป็นเป้าหมายใหญ่ที่เหล็กจากต่างชาติจะทะลักเข้ามาอย่างมโหฬาร...ถ้ามาตรการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศยังอ่อนแออยู่อย่างนี้ หรือรัฐบาลไม่จริงจังจริงใจกับนโยบาย “ไทยเฟิร์ส ”....อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศก็ไม่มีวันจะได้อานิสงส์จากการลงทุนของรัฐครั้งนี้เลย...หนี้สินมหาศาลที่รัฐบาลก่อขึ้นก็ทำได้แค่ให้ไทยกลายเป็นแหล่งระบายสต๊อกของเหล็กต่างชาติเท่านั้น....
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี