เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2561 ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองชั้นต้น ให้การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) จ่ายค่าชดเชยรายได้ให้กับ บริษัททางด่วนกรุงเทพเหนือ จำกัด (เอ็นอีซีแอล) เป็นเงิน 1,790 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 3,296 ล้านบาท รวมแล้วร่วม 5 พันล้านบาท เนื่องจากมีการสร้าง
ทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต โดยกรมทางหลวง อันเป็นการแข่งขันกับทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด ของ NECL ส่งผลกระทบต่อรายได้ค่าผ่านทางของเอ็นอีซีแอล ลดลงจากประมาณการตามสัญญาที่ทำกับกทพ.
ปีถัดมา เดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้ กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ชดใช้ค่าเสียหายให้แก่่โครงการโฮปเวลล์ ของบริษัทโฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จากการบอกเลิกสัญญาเป็นเงินจำนวน 11,888 ล้านบาท โดยไม่รวมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี
เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (บีอีเอ็ม) ได้ลงนามในสัญญา 2 ฉบับ ประกอบด้วย1. สัญญาโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 2 (ฉบับแก้ไข) และ2. สัญญาโครงการทางพิเศษอุดรรัถยา สายบางปะอิน-ปากเกร็ด(ฉบับแก้ไข) สัญญาสองฉบับนี้มีผลวันที่ 1 มีนาคมพ.ศ.2563 และจะสิ้นสุดสัญญาพร้อมกันในวันที่ 31ตุลาคม พ.ศ.2578 รวมระยะเวลาการจัดเก็บค่าผ่านทางด่วนคือ 15 ปี 8 เดือน การต่อสัญญาสัมปทานดังกล่าวเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
การลงนามเป็นไป เพื่อยุติข้อพิพาททั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่าง กทพ. และบีอีเอ็มที่มีการฟ้องคดีในศาลที่ยืดเยื้อมานานหลายสิบปี รวม 17 คดี ข้อพิพาทที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาตัดสินคดี จำนวน 11 คดี โดยมี 6 คดีที่มีผลตัดสินแล้ว ซึ่งบีอีเอ็มชนะ 3 คดีที่เป็นประเด็นการสร้างทางแข่งขัน รวมเป็นเงินประมาณ 3 หมื่นล้านบาทคดีแรกบีอีเอ็มชนะคดี 4 พันกว่าล้านบาท (รวมดอกเบี้ย) ส่วนประเด็นการไม่ให้ปรับค่าผ่านทาง กทพ.แพ้ 2 คดี ขณะที่ประเด็นอื่น กทพ.ชนะบีอีเอ็มเป็นวงเงิน 491 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนเงินที่บีอีเอ็มได้รับแตกต่างกันมาก
ในกรณีที่ไม่มีการยุติข้อพิพาท เมื่อสัญญาสัมปทานเดิมสิ้นสุดลงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 กทพ.จะต้องเปิดประมูลเพื่อหาเอกชนเข้ามาบริหารใหม่ ทั้งมีการประเมินว่าจะมีค่าเสียหายประมาณ 3 แสนล้านบาทไม่รวมดอกเบี้ย และการต่อสู้คดีในชั้นศาลอาจต้องใช้เวลาร่วม 15 ปี
ทางออกของคณะรัฐมนตรี จึงได้เจรจากับบีอีเอ็มที่ไม่ต้องจ่ายเงิน แต่ให้แลกเป็นระยะเวลาสัมปทานแทน
คนจำนวนไม่น้อย จึงเรียกเงินเหล่านี้ว่า “ค่าโง่”และต้องเอาภาษีของประชาชนมาชำระค่าโง่ ควรจะต้องหาผู้รับผิดชอบที่ทำให้เกิดค่าโง่ เพื่อนำคนเหล่านั้นมารับผิดชอบค่าโง่ทั้งหลายที่เกิดขึ้น
ตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐพ.ศ.2539 การกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท (1) การกระทำการตามอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เพื่อประโยชน์ของทางราชการ เช่น การอนุมัติ การอนุญาต (2) การกระทำที่มิใช่การปฏิบัติหน้าที่หรือการกระทำที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ส่วนตัว
การละเมิดตามพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 เมื่อเกิดความเสียหายขึ้น หน่วยงานของรัฐจะรับภาระชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ได้รับความเสียหายไปก่อน แต่หน่วยงานของรัฐจะมีสิทธิไล่เบี้ยเอากับเจ้าหน้าที่หรือไม่ และเพียงใด ต้องพิจารณาว่า การละเมิดนั้นได้เกิดขึ้นจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นหรือไม่
กรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐหรือต่อบุคคลภายนอกและหน่วยงานของรัฐได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว เจ้าหน้าที่ผู้กระทำละเมิดจะต้องรับผิดในมูลละเมิดหรือไม่เพียงใด ต้องพิจารณา ดังนี้
(1) กรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดต่อหน่วยงานของรัฐซึ่งไม่ใช่การกระทำในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น เจตนาทุจริตยักยอกทรัพย์ของทางราชการ ความรับผิดของเจ้าหน้าที่จะต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
(2) กระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ กรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำละเมิดในการปฏิบัติหน้าที่ต่อบุคคลภายนอก และหน่วยงานของรัฐได้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บุคคลภายนอกไปแล้ว หน่วยงานของรัฐจะมีสิทธิไล่เบี้ยหรือเรียกให้เจ้าหน้าที่ชดใช้ค่าสินไหมทดแทน หากการกระทำละเมิดนั้น เป็นการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
คำพิพากษาฎีกาที่ 2345/2548 จำเลยมีหน้าที่จัดเตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆ ในการดำเนินคดี รวบรวมพยานหลักฐานเร่งรัด ติดตามเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสาร
หลักฐานต่างๆ และมีหน้าที่ประสานกับพนักงานอัยการในการส่งเอกสารเพิ่มเติมแล้วนำพยานที่เกี่ยวข้องไปสอบข้อเท็จจริงและรับรองเอกสาร จำเลยกลับปล่อยปละละเลยโดยไม่รับดำเนินการจัดหา เร่งรัดและติดตามเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกสารหลักฐานต่างๆ ส่งไปให้พนักงานอัยการดำเนินคดีจนเป็นเหตุให้คดีขาดอายุความทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ถือได้ว่าจำเลยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
(3) จำนวนค่าสินไหมทดแทน ที่หน่วยงานของรัฐมีสิทธิเรียกจากเจ้าหน้าที่ ต้องคำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำและความเป็นธรรมในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์ ซึ่งอาจไม่ต้องชดใช้เต็มจำนวนของความเสียหาย ถ้าการละเมิดเกิดจากความผิดหรือความบกพร่องของหน่วยงานของรัฐ หรือระบบการดำเนินงานส่วนรวม หรือหากเห็นว่าความเสียหายดังกล่าวหน่วยงานของรัฐมีส่วนบกพร่องอยู่ด้วย ให้หักส่วนแห่งความรับผิดดังกล่าวออก
(4) มูลละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคน หน่วยงานของรัฐที่ได้รับความเสียหายพิจารณากำหนดแบ่งความรับผิดของเจ้าหน้าที่แต่ละคน ว่าแต่ละคนควรจะต้องรับผิดชดใช้เป็นเงินเท่าใด
ค่าโง่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จำนวนเงินที่ต้องเอามาใช้ค่าโง่รวมกันนับหลายหมื่นล้านบาท และไม่พ้นการนำเอาภาษีของประชาชนมาชำระ การนำเงินที่ต้องเสียค่าโง่มาพัฒนาประเทศ ย่อมเป็นการคืนความสุขให้แก่ประชาชนผู้เสียภาษี
การลงโทษให้เจ้าหน้าที่ผู้กระทำการประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ให้รับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น ย่อมทำให้เจ้าหน้าที่ต่างๆ ใช้ความระมัดระวังในการปฏิบัติงานเพิ่มขึ้น
แม้ประชาชนจะเบื่อหน่ายกับการที่รัฐบาลจ่ายค่าโง่ซึ่งไม่รู้ว่ามีที่มาตั้งแต่สมัยไหน แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกคุ้น และชินแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี