แม้ทุกประเทศทั่วโลกต่างมีมาตรการที่จะป้องกันไม่ให้ตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) การปิดประเทศ กำหนดเวลาเข้า-ออกจากบ้าน สั่งปิดสถานที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่กระจาย ปิดเส้นทางการบินบางเส้นทาง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดมีคนติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก เป็นจำนวนเกือบ 9.5 แสนคน ตายเป็นจำนวนเกือบ 5 หมื่นรายรักษาหายเป็นจำนวนเกือบ 2 แสนคน ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนเกือบ 2 พันคน รักษาหายเป็นจำนวนเกือบ 600 คน ตายเป็นจำนวนกว่า 10 ราย
บางคนอาจทำประกันสุขภาพแบบจ่ายค่ารักษาพยาบาล หากติดเชื้อโควิด-19 สามารถเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลได้ บางคนอาจใช้สิทธิประกันสังคม ในขณะที่บางคนใช้สิทธิบัตรทอง
หลักประกันสุขภาพดังกล่าวอาจยังไม่พอ เมื่อมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้หลากหลายค่ายบริษัทประกัน ได้ออกแผน “ประกันโควิด-19” ความคุ้มครองของบริษัทแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเบี้ยประกันที่ซื้อ บางบริษัทมีค่าชดเชยการขาดรายได้รายวัน บางบริษัทไม่จำกัดเฉพาะคนสัญชาติไทย เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่นับวันมีแต่จะเลวร้ายขึ้น ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยแต่ละวันแตะหลักร้อย หลายบริษัทได้ยุติการขายแผนโควิด-19 เพราะเล็งเห็นว่า ยอดผู้เอาประกันจะพุ่งขึ้นสูงจนถึงเพดานความเสี่ยง บางบริษัทที่ยังขายแผนโควิด-19 ต่างได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบ โดยส่วนมากมีการปรับเบี้ยที่สูงขึ้น แต่ผลประโยชน์ไม่ได้ดีเหมือนตอนแรกที่มีการขายแผนโควิด-19
แผน “เจอ จ่าย จบ” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างมาก เพราะเบี้ยไม่แพง บางคนได้ซื้อแผนนี้ ไว้กับหลายบริษัท เบี้ยประกันรวมกันไม่กี่พัน แต่ได้รับความคุ้มครองรวมกันหลายแสนบาท กรณีที่เจอเชื้อโควิด-19ไม่ว่าระยะใด
การซื้อประกันโควิด-19 แบบจ่ายเป็นจำนวนเงินที่แน่นอน เช่น พบเชื้อจ่ายทันที 50,000 บาทถือเป็นประกันชีวิต ไม่ใช่ประกันวินาศภัย ถือหลักชดใช้หรือจ่ายเงิน ตามจำนวนเงินที่ตกลง ดังนั้นหากผู้เอาประกันทำไว้กี่บริษัท จะได้รับเงินทั้งหมดทุกบริษัทที่ทำไว้
ในขณะที่บางคนซื้อประกันโควิด-19 แบบได้รับความคุ้มครองจ่ายเป็นค่ารักษาพยาบาลตามความเป็นจริงแต่มีวงเงินจำกัดค่ารักษาพยาบาลสูงสุดไว้
การทำประกันโควิด-19 ถึงสามารถแยกได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีแรก เป็นประกันสุขภาพแบบจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามความเป็นจริง แต่อาจมีวงเงินที่จำกัดไว้
ถือเป็นการประกันวินาศภัย เพราะประกันสุขภาพเป็นประกันวินาศภัยชนิดหนึ่ง
เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้น หรือเจ็บไข้ได้ป่วย ต้องถือตามหลักประกันวินาศภัย คือชดใช้ค่าเสียหายตามความเป็นจริง
ดังนั้น กรณีนี้หากผู้เอาประกันได้ทำประกัน สุขภาพโควิด-19 ไว้กับหลายบริษัท เมื่อเจ็บไข้ได้ป่วยจะได้รับการชดใช้ค่ารักษาพยาบาลตามความเป็นจริงเท่านั้น จะไม่มีโอกาสได้กำไรจากการทำประกันสุขภาพแต่อย่างใด
หากผู้เอาประกันทำประกันไว้กับหลายบริษัท จะเป็นกรณีที่บริษัทประกันร่วมกันรับผิดตามความเป็นจริง
ถ้าทำประกันกับหลายบริษัทในวันเดียวกัน ถือว่าทำพร้อมกัน บริษัทเหล่านั้นจะรับผิดชอบร่วมกันเป็นสัดส่วน
ถ้าทำประกันกับหลายบริษัทคนละวันกัน ถือว่าทำแบบสืบเนื่องเป็นลำดับกัน บริษัทที่รับทำประกันก่อนจะต้องรับผิดก่อน หากไม่พอค่าใช้จ่าย บริษัทที่รับทำประกันทีหลังจึงจะรับผิดชอบใช้ส่วนที่ยังขาด
กรณีที่สอง เป็นประกันสุขภาพ แบบการจ่ายเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนเมื่อติดไวรัสโควิด-19 เช่น จ่ายทันที50,000 บาท เป็นจำนวนเงินที่แน่นอน
กรณีนี้ ถือเป็นประกันชีวิต ไม่ใช่ประกันวินาศภัยถือหลักชดใช้หรือจ่ายเงิน ตามจำนวนเงินที่ตกลง ดังนั้นหากผู้เอาประกันทำประกันไว้กี่บริษัท จะได้รับเงินทั้งหมดทุกบริษัท
อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากสองกรณีดังกล่าวแล้ว มีปัจจัยอื่นต้องนำมาพิจารณาด้วย เช่น
หลักเรื่องความสุจริต หากผู้เอาประกันทำให้ตัวเองติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยสมัครใจเพียงเพื่อหวังได้รับเงินประกัน ถือว่า ทุจริต บริษัทประกันไม่ต้องชดใช้เงิน
หากบริษัทประกัน ได้กำหนดเงื่อนไขจำกัดความรับผิด ในกรณีที่ทำประกันไว้แล้วและไม่แจ้งให้บริษัทประกันทราบ ในกรณีที่ทำประกันเพิ่มอีกด้วยเหตุเดียวกันว่า ถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้ บริษัทประกันไม่รับผิด บริษัทประกันสามารถกำหนดเป็นเงื่อนไขได้แต่ต้องแจ้งให้ลูกค้าซึ่งเป็นผู้เอาประกันทราบอย่างชัดเจนก่อนทำประกัน
หลักในเรื่องการเปิดเผยความจริง ที่ผู้เอาประกันไม่เปิดเผยว่าได้ทำประกันสุขภาพโควิด-19 ก่อนหน้านี้แล้ว หากบริษัทประกัน จะอ้างเหตุนี้ เพื่อให้สัญญาประกันเป็นโมฆียะ และเลิกสัญญา บริษัทประกันต้องนำสืบให้เห็นว่า การปกปิดข้อเท็จจริงดังกล่าว เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเหตุให้บริษัทประกันอาจเรียกเบี้ยประกันภัยสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ทำสัญญาหากบริษัทประกันพิสูจน์ไม่ได้ จะอ้างเหตุเลิกสัญญาไม่ได้
หลักในเรื่องประกันโควิด-19 จึงเหมือนกับหลักในเรื่องการทำสัญญาทั่วไป ที่ยึดถือความซื่อสัตย์สุจริต และความถูกต้องชอบธรรม เป็นสำคัญ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี