บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัทฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส หรือ HANA ผู้บริหารมองลบค่อนข้างมากกับการที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกพากันใช้มาตรการ Lockdown เพื่อคุมการระบาดของ COVID-19 โดยผู้บริหารคาดว่ายอดขายใน 2Q63-3Q63 จะลดลงถึง 20%-25 แม้ว่ายอดขายจะปรับตัวดีขึ้นบ้างใน 4Q63-1H64 แต่บริษัทยังคงคาดว่ายอดขายปีนี้จะลดลง 20% YoY (เราใช้สมมุติฐานว่ายอดขายจะลดลงแค่-8% YoY) อิงจากสมมุติฐานว่าทั่วโลกทยอยกันยกเลิกมาตรการ Lockdown ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม ถึงกลางเดือนมิถุนายน และไม่มีกระแสการระบาดระลอกใหม่เกิดขึ้นอีก ประเด็นสำคัญที่น่าเป็นห่วงคือการที่อาจจะมีคนตกงานจำนวนมากหลังจบสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ฉุดรั้ง
อุปสงค์และทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างเชื่องช้า
บทวิเคราะห์กลุ่มเทคโนโลยีของ KGI Taiwan Who can fill the gap of HiSilicon? ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ระบุว่ากฎเกณฑ์ข้อจำกัดของสหรัฐจะส่งผลกระทบกับธุรกิจโครงข่าย และสถานีฐานของ Huawei มากที่สุด แต่ก็ยังคาดว่าผู้ประกอบการธุรกิจสื่อสารของจีนน่าจะยังติดตั้งสถานีฐานของระบบ 5G ได้ตามเป้าหมายที่ 550,000 สถานีภายในสิ้นปีนี้ จากผู้ค้ารายอื่น เช่น ZTE (CN) Ericsson (SE) และ Nokia (FI) ขณะเดียวกัน ธุรกิจ Smartphone คาดจะถูกกระทบน้อยกว่า เพราะ Smartphone P40 ซึ่งเป็นรุ่น Flagship ของ Huawei ใช้วัตถุดิบจากผู้ค้าจากสหรัฐ 8% ซึ่งระยะเวลา Grace period 120 วัน น่าจะทำให้ Huawei สามารถตุนสต๊อกวัตถุดิบที่ต้องใช้ และมองว่าผู้ค้าจากประเทศอื่นๆ เพื่อทดแทนได้
นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงขึ้นก็จะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งการพัฒนาภายในประเทศของจีน ทั้งนี้ supply chain ของ Huawei อาจจะสะดุดหลังจากที่สต๊อกหมด ขณะที่ผู้ค้าเจ้าอื่นของจีนอย่างเช่น Xioami Oppo และ Vivo น่าจะเข้ามาช่วยเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้นได้ ดังนั้นเราจึงยังคงมุมมองว่าจะมีการนำเทคโนโลยี 5G มาใช้ โดยมีจีนเป็นผู้นำ เราคาดว่า HANA จะได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะคาดว่ายอดขายจาก Huawei คิดเป็นสัดส่วน 5% ของยอดขายรวมของ HANA เท่านั้น
เรายังคงประมาณการกำไรจากธุรกิจหลักปี 2563F ที่ 1.4 พันล้านบาท หลังจากที่ผลประกอบการใน 1Q63 คิดเป็น 35% ของประมาณการกำไรปีนี้ ทั้งนี้ เรามองว่าราคาหุ้นน่าจะสะท้อนแนวโน้มที่อ่อนแอจากสถานการณ์ COVID-19 ไปแล้ว และมองว่ามีโอกาสน้อยลงที่นักวิเคราะห์ในตลาดจะปรับลดประมาณการกำไรลงอีก นอกจากนี้ ด้วยมุมมองที่ยังเหมือนเดิมกับกระแส 5G เราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และให้ราคาเป้าหมาย 1H64 ที่ 36.00 บาทอิงจาก PER ที่ 18.0x (ค่าเฉลี่ยของกลุ่ม +1.0 S.D.)
ปัจจัยเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ มีการปิดโรงงานนอกแผน ลูกค้าเปลี่ยนไปสั่งสินค้าจาก supplier รายอื่น ขาดแคลนวัตถุดิบ เงินบาทแข็งค่าขึ้น (เราใช้สมมุติฐานอัตราแลกเปลี่ยนปี 2563-64 ที่ 31.90/บาท/US$)
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี