nn ตามที่บอกไว้วานนี้ว่าวันนี้ “กระบองเพชร”จะกลับมานำเสนอใน “โลกการค้า” ในประเด็นต่อเนื่องที่กรมอนามัย กำลังดำเนินการกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับ...การออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องหลักเกณฑ์ มาตรการควบคุมการประกอบกิจการให้บริการจัดส่งอาหาร อาศัยอำนาจ ตามมาตรา 31 แห่ง พ.ร.บ.สาธารณสุข พ.ศ. 2535...และ “กระบองเพชร” ก็ยังย้ำคำเดิมว่า...เห็นด้วยอย่างยิ่งกับกรมอนามัย ที่ต้องการจะคุ้มครองสุขภาพผู้บริโภค จากการใช้บริการของผู้ประกอบกิจการจัดส่งอาหาร ป้องกันและลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายและลดโอกาสการรับสัมผัสของเชื้อโรคในระหว่างการจัดส่งอาหาร” ทั้งนี้ด้วยการระบาดของโควิด-19 ทำให้พฤติกรรมของคนเปลี่ยนไปและบังคับให้คนไทยต้องปรับการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่ หรือ NEW NORMAL...ไม่เว้นแม้แต่จะหาซื้ออาหารมารับประทาน ซึ่งบริการจัดส่งอาหารนั้นสามารถช่วยตอบโจทย์คนไทยในยุค NEW NORMAL ได้เป็นอย่างดีและในเมื่อคนไทยต้องอยู่กับโควิด-19 ไปนานอีกร่วมปีจนกว่าจะมีวัคซีน รวมไปถึงการป้องกันการระบาดของโรคติดเชื้ออื่นๆ...จึงเห็นด้วยอย่างยิ่งกับความตั้งใจดีของกรมอนามัยในครั้งนี้อย่างที่ฝากไว้วานนี้ใน “หมุนตามทุน”ว่า “กระบองเพชร” เป็นห่วงว่าตั้งใจดีของกรมอนามัยนั้นจะไม่เกิดผลเป็นรูปธรรมเพราะข้อกำหนดในร่างประกาศกระทรวงนั้นหลายข้อนั้นไม่สามารถปฏิบัติได้ และบางข้อจะส่งผลเสียตามมาจนสุดท้ายทำให้ร่างประกาศกระทรวงที่ว่าต้องมีอันสะดุดลง....ทั้งที่มีส่วนดีมากกว่าส่วนที่ต้องแก้ไข....
กระบองเพชร...ขออนุญาตมีส่วนร่วมในการเสนอแนะข้อคิดเห็นบางประการ...เช่นว่า เรื่องของข้อกำหนด เรื่องยานพาหนะของผู้จัดส่งอาหาร อันนี้จริงแล้วไม่ต้องเขียนลงไปก็ได้ เพราะเรื่องยานพาหนะนั้น กรมการขนส่งทางบกมีอำนาจตามกฎหมายดูแลอยู่แล้ว นอกจากนี้ตอนนี้เราก็เห็นกันอยู่ว่าพาหนะการจัดส่งอาหารของผู้จัดส่งนั้นมีหลายรูปแบบ จักรยานก็มี ทางใกล้ๆ มากเดินก็มี (Grab Walk) บางประเทศใช้โดรนบินไปส่งก็มี หุ่นยนต์ก็มี วันก่อนเห็นภาพข่าวว่า ควบม้าส่งแกร็บแล้วด้วย...เชื่อว่าในอนาคตจะมีอีกหลายรูปแบบ...จึงเห็นว่าข้อกำหนดนี้ไม่ควรจะมีครับ
อีกเรื่องก็เช่น ข้อกำหนดว่าให้ผู้จัดส่งอาหารต้องผ่านการอบรมหลักสูตรการสุขาภิบาลอาหารสำหรับผู้สัมผัสอาหาร...ซึ่งข้อนี้ตัดออกไปได้...เพราะเอาเข้าจริงมีผลในทางปฏิบัติแน่นอน ผู้จัดส่งอาหารมีอยู่เกือบ 4 แสนคนหน่วยไหนจะทำการจัดอบรมได้ครบถ้วน และผู้จัดส่งก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรุงอาหารหรือสัมผัสกับอาหารโดยตรง แต่สัมผัสเฉพาะถุงหรือภาชนะที่ใช้ห่ออาหารเท่านั้น
เช่นเดียวกันกับข้อกำหนดให้ผู้จัดส่งอาหารต้องตรวจสอบคุณภาพอาหารทันทีหลังได้รับจากร้านอาหาร ทั้งเรื่องความสะอาด สภาพอาหารบรรจุอยู่ในภาชนะที่มีสภาพดี ฉลากอาหารฯลฯ ที่เสนอว่าให้ตัดออกก็เพราะว่านอกจากจะไม่ควรให้เป็นหน้าที่ของผู้จัดส่งอาหารแล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยง ในการเปิดภาชนะหรือสัมผัสกับอาหารที่ไม่ถูกสุขลักษณะด้วย เรื่องของควบคุมคุณภาพอาหาร การเลือกภาชนะที่บรรจุอาหารต้องเป็นหน้าที่ของร้านอาหารเองถึงจะถูกต้อง
นอกจากนี้ เพื่อให้ความตั้งใจดีของกรมอนามัยครั้งนี้ ครอบคลุมทั้งหมด ร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ๆ ที่มีบริหารจัดส่งอาหารให้ถึงลูกค้า ไม่ว่าจะเป็น KFC แมคโดนัลด์ MK สุกี้ บาร์บีคิวพลาซ่า ฯลฯ ก็ควรถูกจัดให้มาอยู่ภายใต้ข้อบังคับของกฎกระทรวงฉบับนี้ด้วย ก็จะเป็นการดีอย่างยิ่ง ส่วนประเด็นที่จะให้ Platform จัดส่งอาหาร เป็นผู้คัดเลือกร้านอาหาร ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ในเรื่องแหล่งที่มา แหล่งผลิตอหาร ที่มีคุณภาพ ฯลฯ นั้นว่ากันตามตรง Platform หรือตัวผู้จัดส่งอาหาร ก็ไม่มีอำนาจที่จะไปกำหนดคุณสมบัติของร้านอาหารที่จะมาใช้บริการของ Platform ได้แต่ถ้าจะออกมาเป็นมาตรการภายในเพื่อสนับสนุนร้านค้าที่มีคุณสมบัติที่ดีนั้นพอได้อยู่ และรัฐก็ควรร่วมมือกับ Platform ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลด้านสุขอนามัยและด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมคุณภาพของร้านอาหาร
เอาล่ะเชื่อว่าหลังจากนี้ กรมอนามัย คงจะได้รับฟังข้อมูล ข้อเท็จจริง รวมทั้งข้อเสนอแนะอีกมากมายจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและผู้เกี่ยวข้องอีกหลายภาคส่วน ซึ่งก็จะนำมาสู่การออกประกาศกระทรวงที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดและสามารถปฏิบัติได้จริง และทำให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยจากบริการจัดส่งอาหารให้ยุค NEW NORMAL
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี