ข่าวการถูกล่วงละเมิดทางเพศปรากฏให้เห็นตามสื่อแทบทุกวัน ซึ่งแท้จริงการถูกล่วงละเมิดทางเพศมีอยู่ทุกวัน ทุกวัย ทุกเพศ เพียงแต่ยังไม่ตกเป็นข่าว ผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศต่างต้องการได้รับการช่วยเหลือ เพื่อจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อการถูกกระทำอีกต่อไป หากผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศเป็นเด็ก ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจ ถือเป็นเหมือนแผลทางใจในชีวิตของพวกเขา
ปัญหาเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ เป็นปัญหาทางสังคมที่ละเอียดอ่อน ผู้กระทำผิดส่วนมากเป็นคนที่เด็กคุ้นเคย หรือคนในครอบครัว หรือครูกระทำต่อนักเรียน เมื่อมีการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กจะปกปิดความผิดของตนเอง เช่น ขู่จะฆ่าเด็ก ทำร้ายเด็ก หรือจะปล่อยคลิป ทำให้เด็กกลัวและรู้สึกอับอาย จึงไม่กล้าเล่าเรื่องหรือปรึกษาใคร ทำให้คนผิดคิดย่ามใจ กระทำการล่วงละเมิดต่อเด็กซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2563 คุณยายได้พาหลานวัย 14 ปี ชั้น ม.2 แจ้งความต่อ สถานีตำรวจภูธรผึ่งแดด อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ว่า ครูที่ปรึกษาออกอุบายให้หลานสาวไปทำการบ้านที่พักครู ซึ่งเป็นบ้านแฝดอยู่หลังโรงเรียน จากนั้นลงมือข่มขืนแล้วได้ชวนเพื่อนครูและศิษย์เก่ามาผลัดเปลี่ยนกัน หลานสาวถูกกระทำเฉลี่ยเดือนละ 1-2 ครั้ง และถูกข่มขู่ไม่ให้บอกใคร ขู่ว่าจะปล่อยคลิปที่ถ่ายไว้ และจะไม่ให้เลื่อนชั้นเรียน จนที่สุดหลานสาวทนไม่ไหวจึงเล่าให้ยายฟัง หลานถูกกระทำตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 เรื่อยมาจนถึงเดือนมีนาคมพ.ศ. 2563
ผู้ต้องหาคดีนี้ มีทั้งหมด 7 คน ประกอบด้วย ครูสอนคณิตศาสตร์ (ครูที่ปรึกษา) อายุ 35 ปี ครูสอนคอมพิวเตอร์ อายุ 36 ปี ครูสอนวิทยาศาสตร์ อายุ 33 ปี ครูสอนสังคมศาสตร์ อายุ 25 ปี ครูสอนสังคมศาสตร์ อายุ 35 ปีรุ่นพี่ซึ่งเป็นศิษย์เก่า 2 คน
เด็กหญิงเคราะห์ร้ายได้ขอร้องให้เด็กหญิงรุ่นพี่ชั้น ม.4ที่ถูกกลุ่มนี้ข่มขืนสลับกับตนมาเป็นพยาน รุ่นพี่จึงตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้ปกครองฟัง ซึ่งมีผู้ต้องหา 3 คน คือ ครูสอนคอมพิวเตอร์ อายุ 36 ปี ครั้งแรกเด็กถูกล่อลวงให้ไปเอากุญแจห้องคอมพิวเตอร์ที่บ้านพักครู ครูได้ตามมาแล้วลงมือข่มขืน และครูได้ชวนครูสอนคณิตศาสตร์ และครูสอนวิทยาศาสตร์ มารุมโทรม เด็กถูกกระทำเฉลี่ยเดือนละ 2-3 ครั้ง โดยขู่ว่าจะปล่อยคลิปเช่นกัน
จากข้อมูลศูนย์เฉพาะกิจคุ้มครองและช่วยเหลือเด็กนักเรียน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) สถิติการล่วงละเมิดทางเพศเด็กระหว่างปี พ.ศ.2556-2560 มีนักเรียนที่ถูกครู/บุคลากรทางการศึกษาล่วงละเมิดรวม 57 ราย ความเป็นจริงแล้วอาจมีจำนวนผู้ถูกล่วงละเมิดทางเพศมากกว่านี้
ความผิดที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน จะเกี่ยวข้องกับ 4 ข้อหา คือ
(1) การข่มขืน กระทำชำเรา (2) ความผิดกระทำชำเรา (3) การกระทำอนาจาร และ (4) การพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร โดยแต่ละข้อหามีบทลงโทษแตกต่างกันไปหากพิจารณาจะพบว่า กฎหมายมุ่งประสงค์จะคุ้มครองผู้เยาว์กรณีที่กระทำกับเด็กอายุไม่เกิน 13-15 ปี โทษจะหนักกว่ากระทำกับเด็กที่อายุเกิน 18 ปี เพราะผู้เยาว์ยังไม่สามารถตัดสินใจเรื่องทางเพศของตนเองได้ และกฎหมายได้บัญญัติเอาผิดกับผู้กระทำความผิด ที่กระทำต่อผู้สืบสันดาน ศิษย์ที่อยู่ในความดูแล ผู้ที่อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ หรือผู้อยู่ในความปกครอง ในความพิทักษ์ หรือในความอนุบาล โดยระวางโทษหนักกว่าฐานความผิดที่กำหนดไว้ และเป็นความผิดที่ไม่สามารถยอมความได้
ความผิดฐานพรากผู้เยาว์ไปเพื่อการอนาจาร ไม่ว่าผู้เยาว์จะยินยอม ด้วยเหตุใด เช่น ผู้กระทำความผิดมีอิทธิพล หรืออยู่ในฐานะที่เหนือกว่า หรือ ผู้เยาว์ไม่ยินยอม กฎหมายถือว่า ผู้ที่กระทำมีความผิดเสมอ เพราะผู้เยาว์อยู่ในฐานะที่เสียเปรียบกว่า ไม่สามารถจะตัดสินใจอย่างถูกต้องด้วยตนเองเนื่องจากมีอายุน้อย
นอกจากผลที่เกิดขึ้นต่อร่างกายของเด็กแล้ว เด็กยังได้รับผลกระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรง จะส่งผลต่อมุมมองต่อเรื่องเพศของตัวเอง และโลกภายนอก เด็กบางคนเมื่อโตขึ้น อาจจะไปกระทำต่อบุคคลอื่นแบบที่ตนถูกกระทำจนกลายเป็นลูกโซ่
คดีล่วงละเมิดทางเพศเป็นคดีที่ค่อนข้างยากในการดำเนินคดี เพราะผู้ถูกกระทำมีความอับอาย กลัวการถูกซุบซิบนินทา ซึ่งไม่ใช่แต่เด็กเท่านั้น แม้กระทั่งผู้ใหญ่มีความรู้สึกนี้เช่นกัน ที่ไม่กล้าแจ้งความ การหาพยานหลักฐานบางครั้งไม่ใช่เรื่องง่าย ทำให้บางคนยอมที่จะนิ่ง และปล่อยให้เลยตามเลย ถือว่าเป็นคราวเคราะห์
กรณีที่มีเพียงผู้กระทำและผู้ถูกกระทำ คือ ฝ่ายชายและฝ่ายหญิง ในสถานที่เกิดเหตุเป็นที่ลับตาคน ไม่มีผู้รู้เห็นหรือได้ยิน ไม่มีคลิปวีดีโอ ไม่มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบันทึกภาพคำเบิกความของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงถือว่า มีความสำคัญมาก
ทนายความของแต่ละฝ่ายจะต้องถามความพยานฝ่ายตรงข้าม เพื่อจับพิรุธและพิสูจน์ความจริง ความน่าเชื่อถือของพยานที่เป็นฝ่ายชายและฝ่ายหญิงนั้น ภูมิหลังและประวัติความเป็นมาของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงมีผลต่อความน่าเชื่อถือด้วย เช่น ถ้าฝ่ายชายมีประวัติและพฤติกรรมติดสุราและยาเสพติด เป็นนักเลง เล่นการพนัน ไม่มีอาชีพที่มั่นคง ความน่าเชื่อถือจะมีไม่มาก หากฝ่ายหญิงเป็นสุภาพสตรีที่มีประวัติความประพฤติดี มีหน้าที่การงานมั่นคงความน่าเชื่อถือย่อมมีมาก
ในทางตรงกันข้าม หากฝ่ายหญิงมีประวัติทำงานกลางคืน และพัวพันเกี่ยวกับธุรกิจทางเพศ ย่อมทำให้ความน่าเชื่อถือย่อมลดลงไปมาก
นอกจากนี้ พยานหลักฐานจากการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันถือว่ามีความสำคัญ มีความน่าเชื่อถือ และมีบทบาทสำคัญในการพิจารณาคดีเป็นอย่างมากเช่นกัน
การล่วงละเมิดทางเพศในโรงเรียน เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์เชิงอำนาจ ครูใช้อำนาจแห่งความเป็นครู อาศัยความไร้เดียงสาของเด็ก ความนับถือ ความไว้วางใจที่เด็กมีต่อตน กระทำการล่วงละเมิดต่อเด็ก บังคับและขู่เข็ญไม่ให้เด็กเปิดเผยเรื่องราวให้บุคคลอื่น มิฉะนั้นจะไม่ให้เลื่อนชั้น หรือทำโทษเด็ก
กระทรวงศึกษาธิการควรให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง ทั้งทางโรงเรียนควรมีมาตรการการป้องกันไม่ให้เด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ให้ความเป็นธรรมต่อเด็กที่ถูกกระทำอย่างรวดเร็ว ให้ความคุ้มครองเด็ก เพื่อที่เด็กจะได้กล้าพูด ซึ่งอาจทำให้ทราบถึงมีใครถูกกระทำอีก
ผู้ปกครอง และผู้คนในชุมชน ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตา คอยสังเกตความไม่ชอบมาพากล เพื่อที่เด็กจะได้ไปโรงเรียนอย่างปลอดภัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี