ไม่ว่าจะยุคสมัยไหน มักจะมีประชาชนรวมกลุ่มชุมนุมสาธารณะแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ กัน ตั้งเวทีปราศรัยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับการขัดแย้งทางการเมือง บางครั้งมีการเดินขบวน ปิดถนน เข้ายึดสถานที่สำคัญ ทำให้บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข
เพื่อให้การชุมนุมสาธารณะเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยไม่กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของชาติ ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรม
อันดีตลอดจนสุขอนามัยของประชาชนหรือความสะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ และไม่กระทบกระเทือนสิทธิและเสรีภาพและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้อื่น ได้มีการตราพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ตามพ.ร.บ.นี้ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การใช้สิทธิชุมนุมสาธารณะให้ชัดเจนและโดยสอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (International Covenanton Civil and Political Rights - ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2539 มีผลใช้บังคับวันที่30 มกราคม พ.ศ. 2540
พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะฯ ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2558 และมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558 ตามพ.ร.บ.ฯได้กำหนดหลักเกณฑ์เงื่อนไขในการใช้เสรีภาพการชุมนุมสาธารณะที่ประชาชนต้องปฏิบัติตาม ทั้งได้กำหนดโทษทางอาญาไว้สำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติของกฎหมาย
ตามพ.ร.บ.นี้ “การชุมนุมสาธารณะ” หมายความว่าการชุมนุมของบุคคลในที่สาธารณะเพื่อเรียกร้อง สนับสนุนคัดค้าน หรือแสดงความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยแสดงออกต่อประชาชนทั่วไป และบุคคลอื่นสามารถร่วมการชุมนุมนั้นได้ไม่ว่าการชุมนุมนั้นจะมีการเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายด้วยหรือไม่ “ที่สาธารณะ” หมายถึง ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างอันเป็นทรัพย์สินของแผ่นดินที่ใช้เพื่อสาธารณประโยชน์หรือสงวนไว้ เพื่อประโยชน์ร่วมกันหรือที่หน่วยงานของรัฐมิได้เป็นเจ้าของแต่เป็นผู้ครอบครองหรือใช้ประโยชน์บรรดาซึ่งประชาชนมีความชอบธรรมที่จะเข้าไปได้ รวมตลอดทั้งทางหลวงและทางสาธารณะ
จากความข้างต้น การชุมนุมสาธารณะต้องประกอบด้วย(1) เป็นการชุมนุมในที่สาธารณะ และ (2) บุคคลอื่นสามารถเข้าร่วมการชุมนุมนั้นได้ ดังนั้น จึงต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย
“ผู้จัดการชุมนุม” หมายถึง ผู้จัดให้มีการชุมนุมสาธารณะ และให้หมายความรวมถึงผู้ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ และผู้ซึ่งเชิญชวนหรือนัดให้ผู้อื่นมาร่วม
การชุมนุมสาธารณะโดยแสดงออกหรือมีพฤติการณ์ทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้จัดหรือร่วมจัดให้มีการชุมนุมนั้นผู้จัดการชุมนุมต้องแจ้งการชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตํารวจแห่งท้องที่ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง และต้องระบุวัตถุประสงค์ วันที่ ระยะเวลา สถานที่ชุมนุม จำนวนผู้เข้าร่วมชุมนุม การขอใช้เครื่องขยายเสียง โดยที่ต้องระบุกำลังขยายและระดับเสียงที่จะใช้สำหรับการชุมนุมให้ชัดเจน หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาททั้งนี้ ตามประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง กำหนดระดับเสียงของเครื่องขยายเสียงที่ใช้ในการชุมนุมสาธารณะพ.ศ. 2558 ลงวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2558 คือค่าระดับเสียงสูงสุดต้องไม่เกิน 115 เดซิเบลเอ และค่าระดับเสียงเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ต้องไม่เกิน 70 เดซิเบลเอ
ตามประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกำหนดวิธีการชุมนุมสาธารณะ ลงวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558ผู้จัดการชุมนุมต้องใช้วิธีใดวิธีหนึ่ง คือ (1) แจ้งโดยตรงต่อผู้รับแจ้ง (2) แจ้งทางโทรสาร (3) แจ้งทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
เมื่อแจ้งแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจจะพิจารณาว่า การจัดการชุมนุมดังกล่าวขัดต่อเงื่อนไขตามกฎหมายหรือไม่ เช่น ห้ามชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากพระบรมมหาราชวัง หรือชุมนุมภายในพื้นที่ของรัฐสภาทําเนียบรัฐบาล และศาล การชุมนุมสาธารณะต้องไม่กีดขวางทางเข้า-ออก หรือรบกวนการปฏิบัติงานหรือการใช้บริการของ(1) สถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ (2) ท่าอากาศยาน ท่าเรือสถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งสาธารณะ (3) โรงพยาบาล สถานศึกษาและศาสนสถาน (4) สถานทูตหรือสถานกงสุลของรัฐต่างประเทศ หรือสถานที่ทำการองค์การระหว่างประเทศ (5) สถานที่อื่นตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับแจ้งต้องทำการพิจารณาและสรุปสาระสำคัญในการชุมนุมสาธารณะให้ผู้แจ้งทราบภายใน 24 ชั่วโมง นับแต่เวลาที่ได้รับแจ้ง หากขัดต่อกฎหมายเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับแจ้ง จะมีคำสั่งให้ผู้แจ้งแก้ไขภายในเวลาที่กำหนด หากผู้แจ้งการชุมนุมไม่ทำการแก้ไข จะมี“คำสั่งห้ามชุมนุม” เป็นหนังสือไปยังผู้แจ้ง กรณีผู้แจ้งการชุมนุมไม่เห็นชอบด้วยกับคำสั่ง สามารถยื่นอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาชั้นเหนือเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับแจ้งขึ้นไปหนึ่งชั้น และให้ผู้รับอุทธรณ์วินิจฉัยและแจ้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ภายในเวลา 24 ชั่วโมง คำวินิจฉัยอุทธรณ์นั้นให้เป็นที่สุด ตาม พ.ร.บ.ฯ ได้กำหนดว่าในระหว่างมีคำสั่งห้ามชุมนุม การอุทธรณ์และพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ ให้งดการชุมนุมสาธารณะ การฝ่าฝืนคำสั่งให้งดการชุมนุมสาธารณะนี้จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้จัดการชุมนุมมีหน้าที่ตามกฎหมาย เช่น ต้องดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ ต้องดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะไม่ให้เกิดการขัดขวางเกินสมควรต่อประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ ต้องไม่ปราศรัยหรือจัดกิจกรรมในการชุมนุมโดยใช้เครื่องขยายเสียงในระหว่างเวลา 24.00 นาฬิกา ถึงเวลา 06.00 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น
ตามพ.ร.บ.ฯนี้ กำหนดว่า ผู้ที่ประสงค์จะจัดการชุมนุมสาธารณะ ให้แจ้งการชุมนุมต่อผู้รับแจ้ง (เจ้าหน้าที่ตำรวจ) ก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง หากฝ่าฝืน ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท เป็นที่สังเกตได้ว่า การจัดให้มีการชุมนุมสาธารณะ โดยไม่มีการขออนุญาตมีแต่โทษปรับ แต่ทั้งนี้ หากการชุมนุมสาธารณะมีขึ้นในสถานที่สำคัญ เช่น การจัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี150 เมตร จากพระบรมมหาราชวัง พระราชวัง หรือการชุมนุมสาธารณะในสถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐท่าอากาศยาน โรงพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กฎหมายได้กำหนดขั้นตอนการขออนุญาตการชุมนุมสาธารณะไว้แล้ว ผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุมจะต้องเคารพและไม่ล่วงละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่นโดยเฉพาะประชาชนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุมนั้นๆ ภาครัฐควรต้องประชาสัมพันธ์ ส่งเสริมและให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้สิทธิและเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้การชุมนุมสาธารณะเป็นไปตามกฎหมาย ทั้งยังป้องกันไม่ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยหรือเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี