เป็นเวลา 4 เดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ที่ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หรือ “น้องชมพู่”หายออกจากบ้านในจังหวัดมุกดาหาร โดยไม่มีใครรู้สาเหตุจนกระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 ชาวบ้านพบศพน้องชมพู่ สภาพเปลือยกาย บริเวณภูเขาภูเหล็กไฟตำบลกกตูม อำเภอดงหลวง จังหวัดมุกดาหาร ที่ผ่านมามีการสอบปากคำพยานไปแล้วกว่า 900 ปาก และชันสูตรพลิกศพไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง แต่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปที่แท้จริงของสาเหตุการเสียชีวิตได้
คนที่เกี่ยวข้องกับน้องชมพู่แทบทุกคนต่างตกเป็นผู้ต้องสงสัย ไม่เว้นแม้แต่พ่อและแม่ของน้องชมพู่ คือ นายอนามัย และ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา, นายไชย์พล วิภาหรือลุงพล มีศักดิ์เป็นลุงเขยของน้องชมพู่ หรือแม้แต่คนในหมู่บ้านกกกอก ถูกมองเป็นผู้ต้องสงสัยไปทั้งหมด เพราะต่างตั้งข้อสังเกตกันเอง และพากันสรุปว่า คนโน้นคนนี้น่าจะเป็นคนทำ
นางสาวิตรี แม่น้องชมพู่เคยบอกว่า “ลุงพล” ซึ่งเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด แต่ลุงพลเองได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเองอย่างต่อเนื่องและหนักแน่นว่า ไม่ใช่คนร้าย ทำให้ชาวเนตส่วนหนึ่งได้พากันพินิจพิเคราะห์ ประมวลและลำดับเหตุการณ์ต่างๆ และคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ลุงพลจะปลิดชีพหลาน จนเวลาผ่านไป ในที่สุดความสงสัยในตัวลุงพล ได้กลายมาเป็นความสงสารทั้งเชื่อว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ถูกใส่ความ ส่งผลชีวิตลุงพลและเป็นที่จับตามอง มีคนแวะไปหาที่บ้านเพื่อให้กำลังใจแทบทุกวัน เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้ง มีคนซื้อข้าวของเครื่องใช้ ทีวี ตู้เย็น เครื่องซักผ้า เฟอร์นิเจอร์ให้เรียกได้ว่า แทบจะไม่มีที่วาง
วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ลุงพล และป้าแต๋นที่เป็นภรรยาของลุงพล ได้เปิดช่องใน YouTube เป็นของตัวเอง ใช้ชื่อว่า “ลุงพลป้าแต๋นแฟมิลี่” เพียงไม่ถึงสัปดาห์ มียอดผู้ติดตามกว่า 169,000 ราย
มาตอนนี้ สื่อบางสื่อมีการนำเสนอชีวิตความเป็นอยู่ทุกๆ ด้านของลุงพล การใช้ชีวิตที่เรียบง่าย ด้วยการรับประทานข้าวไข่ดาวกับป้าแต๋น มียอดวิวพุ่งไปครึ่งล้านหลายสื่อที่ไม่เคยทำข่าวลุงพลได้เกาะกระแสนำเสนอข่าวลุงพล ทำให้ลุงพลเป็นที่จับตามองเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอะไร มีคนติดตามอยู่เรื่อยๆ รายการโทรทัศน์นี้ได้เชิญลุงพลและป้าแต๋นสัมภาษณ์ สร้างความโด่งดังขึ้นไปอีก
ที่ฮือฮาและทำให้โด่งดังเป็นพลุแตก แน่นอนคงไม่พ้น ลุงพลร้องเพลงฟีทเจอริ่ง เพลง เต่างอย กับนักร้องชื่อดัง “จินตหรา พูนลาภ” เพียงสัปดาห์เดียวยอดวิวพุ่งทะลุ 10 ล้าน ทำให้ลุงพลผู้ต้องสงสัย กลับกลายเป็นคนที่โด่งดังขึ้นมามีคิวงานยาวเหยียด งานรุมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย เช่น นักแสดงรับเชิญภาพยนตร์สหมงคลฟิล์ม ค่าตัว 500,000 บาท พรีเซ็นเตอร์คลินิกทันตกรรม 300,000 บาท พรีเซ็นเตอร์รีวิวผลิตภัณฑ์อาหารเสริม-หมูแดดเดียว-น้ำส้ม-ปลาอินทรี 500,000 บาทพรีเซ็นเตอร์คลินิกเสริมความงาม 500,000 บาท พรีเซ็นเตอร์ท่อน้ำเกษตร 500,000 บาท เล่นมิวสิกวีดีโอเพียงคนเดียวในดวงใจ 20,000 บาท งานรำบุญกฐิน 10 งาน 20,000 บาท ค่าตัวรวมกันทะลุหลักล้านบาท
เพลงเต่างอยที่ลุงพลโชว์เดี่ยวแค่ 2-3 วันมียอดกว่า 800,000 วิว ทั้งยังเอาชีวิตลุงพลมาแต่งเป็นบทเพลง เช่น พบรักที่บ้านลุงพลแค่ 3-4 วัน มียอดกว่า 400,000 วิว
ชีวิตลุงพลเปลี่ยนแปลงไป เพราะอิทธิพลของสื่อ แม้ว่าด้านหนึ่งเป็นผู้ต้องสงสัย จนกลับกลายเป็นว่าลุงพลเป็นตัวเรียกผู้ชมหรือเรตติ้ง ที่สร้างประโยชน์ให้แก่ผู้เกี่ยวข้อง ทำให้ต้องย้อนคิดว่า การกระทำของสื่อและบุคคลในวงการบันเทิงเหมาะสมและสมควรแค่ไหน หรือเพียงแค่หวังผลประโยชน์ทางธุรกิจเท่านั้น
จากกรณีลุงพลเมื่อเปรียบเทียบกับครูปรีชา ใคร่ครวญ เจ้าของวลี “ความจริงก็คือความจริง” คดีมหากาพย์ลอตเตอรี่ 30 ล้าน งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายนพ.ศ. 2560 รางวัลที่ 1 เลข 533726 โดยครูปรีชาเป็นคนยื่นฟ้อง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือหมวดจรูญ ข้อหายักยอกทรัพย์ และศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2562 “ไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง” เงินรางวัลลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท จึงตกเป็นของหมวดจรูญ ทางครูปรีชาและทีมทนายได้ยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี ศาลได้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564 เวลา 09.00 น.
คดีนี้ ประชาชนได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมากสื่อต่างๆ ได้พากันเสนอข่าวอย่างทั่วหน้ามีผู้ติดตามตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี ว่าใครกันแน่คือเจ้าของลอตเตอรี่ตัวจริง ซึ่งนอกจากคดีหลักแล้ว ทั้งสองฝ่ายยังมีคดีที่ฟ้องร้องกันไปมาอีกหลายคดี ผลยังไม่ได้ชี้ชัดว่าครูปรีชาคือ ผู้บริสุทธิ์หรือไม่ เพราะคดียังไม่ถึงสุด
หน้าตา ลักษณะท่าทาง สุ่มเสียงของครูปรีชา ยิ่งวลี“ความจริงก็คือความจริง” ผู้คนจำนวนไม่น้อย จึงจดจำครูปรีชาได้มากกว่าหมวดจรูญ ทำให้สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดกาญจนบุรี (กกต.กาญจนบุรี) ดึงตัวเป็นพรีเซ็นเตอร์รณรงค์เลือกตั้งท้องถิ่นเพราะเสียงเหน่อของครูปรีชา แสดงถึงอัตลักษณ์ท้องถิ่น“เสียงเหน่อเมืองกาญจน์” โดยครูปรีชา ยินดีร่วมแสดงโดยไม่ได้คิดค่าตัวกกต.กาญจนบุรี โดยให้แต่งกายชุดข้าราชการ เพราะเป็นอาชีพจริงของครูปรีชา ส่วนเรื่องคดีถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ไปยุ่งเกี่ยว โดยในบทครูต้องพูดว่า “การเลือกตั้งไม่ใช่การเสี่ยงโชค”
แต่เมื่อมีผู้ทักท้วงถึงความเหมาะสม กกต. กาญจนบุรี ได้ตัดสินใจยกเลิกโฆษณาประชาสัมพันธ์ที่มีครูปรีชาเป็นผู้แสดง
ล่าสุด ช่างภาพอาวุโสสถานีโทรทัศน์ถึง 2 แห่ง ได้ลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการให้ความสำคัญในการเสนอข่าวลุงพล ตามนโยบายสถานีโทรทัศน์
การให้ความสำคัญแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาโดยที่ศาลยุติธรรมยังไม่ได้ตัดสินคดีถึงที่สุดว่า เป็นผู้บริสุทธิ์และไม่ได้กระทำความผิด อาจทำให้เยาวชนและบุคคลบางคนเข้าใจผิดว่า เมื่อเกี่ยวข้องกับคดีอาญาแล้วเป็นเรื่องดี และอาจเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เพื่อจะได้มีชื่อเสียง และมีผลประโยชน์ตามมา
สื่อและคนในวงการบันเทิง ควรจะมีสติ และคำนึงถึงความเหมาะสมมากกว่าผลประโยชน์ที่จะได้รับจากยอดขายหรือยอดโฆษณา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี