ช่วงเวลาที่เป็นหนี้ ไม่มีใครไม่มีความทุกข์ เพราะทุก 30 วัน เราต้องเจอกับการติดตามทวงถามจากเจ้าหนี้ (บางคนอาจหนักถึงขั้นรายวัน) ในแต่ละเดือนชีวิตหมดไปกับการหาเงินใช้หนี้ไม่มีวันหยุด ถ้าเราเผลอไม่ตั้งสติ ชีวิตเราจะจมอยู่อย่างนี้ไปตลอด กลายเป็นสิ่งมีชีวิต ที่แทบไม่ได้ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการเลย
ผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยเป็นหนี้ ทำงานหนักวันละ 10-12 ชั่วโมง อาทิตย์นึงทำงาน 7 วัน หนึ่งเดือนทำงานทุกวันไม่มีวันหยุด แล้วสุดท้ายปลายเดือน ก็มีคนมารอเรียกเก็บเงินที่หามาด้วยความเหนื่อยยากของเราไปจนหมด ไม่เหลืออะไรไว้ให้เรา ในฐานะคนออกแรงเลย
ช่วงปีแรกๆ ที่ต่อสู้กับหนี้ ผมมีความเชื่อว่า “เวลา” ที่เรามีนั้น ไม่ควรเอาไปใช้กับเรื่องอื่น ควรเอาไปใช้กับการหาเงิน หาเงิน แล้วก็หาเงินให้มากที่สุด เท่าที่จะมากได้ ไม่ว่าจะคิด จะพูด จะทำ ทุกอย่างเพื่อเงินเท่านั้น จนมันทำให้คนรอบตัวเหนื่อยและทุกข์ตามเรากันไปหมด เพราะเมื่อเราไม่ได้หยุด คนรอบข้างก็ไม่ได้หยุดด้วยเช่นกัน
สุดท้ายผมล้มป่วย เพราะทำงานหนักไม่ได้พักผ่อน เป็นภูมิแพ้ อาการหนักถึงขั้นนอนโรงพยาบาล ได้คุยกับคุณหมอที่รักษาผม คุณหมอแซวผมว่าทำงานหนักขนาดนี้ อีกหน่อยคงต้องซื้อบ้านเพิ่มอีกสักหลัง เอาไว้เก็บเงินที่หาได้
คุณหมอเองคงไม่เคยเป็นหนี้ เลยไม่ทราบว่ามีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ทำงานหนักมาก ไม่แพ้คนอยากรวย ก็คือ พวกเรา คนที่เป็นหนี้ท่วมหัว ชีวิตแต่ละวันเครียด เสียประสาท วิตกจริต และจะเป็นบ้าทุกครั้งที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง ยิ่งช่วงใกล้สิ้นเดือน เหนื่อยแค่ไหนบางทีก็นอนไม่หลับ เพราะสมองมันยังคิด มันยังเป็นกังวลว่า จะหาเงินที่ไหนมาคืนเขา
ใครที่มีครอบครัวยิ่งหนัก เหนื่อยๆ ก็เหนื่อย อยากพักก็อยากพัก แต่พอหันไปมองหน้าลูก หน้าภรรยา หรือสามี หน้าพ่อหน้าแม่ แล้วพลังมันหมดไม่ได้จริงๆ
ผมเองหลังจากสู้จนสุขภาพพัง จึงเริ่มตั้งหลัก ตั้งสติใหม่ เราเป็นหนี้ หาเงินใช้หนี้เขาทุกวัน ก็ทุกข์มากพออยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้มีใครห้ามนี่หว่า ว่าเป็นหนี้แล้วห้ามมีความสุข ต้องเป็นทุกข์ทุกขณะ ทุกจังหวะลมหายใจ เข้า-ทุกข์ ออก-ทุกข์
เฮ้ย … เราเจียดเวลาให้ความสุขได้เหมือนกันนะ
คิดได้ดังนี้ผมเลยจัดการทั้งหนี้ และเวลาในชีวิตใหม่ เริ่มต้นด้วยการเรียกศักดิ์ศรีในตัวเองกลับคืนมา จากที่เคยหลบเคยหนี เคยไม่รับโทรศัพท์ แล้วไปพยายามหาเงินมาคืนเขาอย่างเดียว ผมเริ่มรับสาย พูดคุยกับเจ้าหนี้ตรงไปตรงมา ใครช่วยเรา ช่วยแบ่งเบาให้เรา (หยุดดอกเบี้ย ลดค่างวดจ่าย ฯลฯ) เราก็ขอบคุณ ใครไม่ช่วย ยืนยันอย่างเดียวว่าต้องจ่าย แล้วก็ต้องจ่ายตามสัญญา เราก็ไม่ว่าอะไร พยายามหามาคืนเขาให้มันจบๆ ไป
การตั้งหลักคุย จะมีทั้งคนที่ช่วยเรา ผ่อนปรนให้เราบ้าง ทำให้เราเหนื่อยน้อยลง มีเวลาคิดไตร่ตรองอะไรต่างๆ มากขึ้น แถมที่สำคัญ ยังรู้สึกมีศักดิ์ศรี มีความภูมิใจมากขึ้น เพราะเราไม่ได้หลบ ไม่ได้หนี หรือไม่รับโทรศัพท์เขา
“กูแค่เป็นหนี้ กูไม่ได้ฆ่าใครตาย” จำคำนี้เอาไว้ เราไม่ได้ทำผิดอะไรใหญ่หลวงร้ายแรง ไม่ต้องถือโทษโกรธตัวเอง กดชีวิตลงต่ำขนาดนั้น สิ่งที่เราต้องทำ ก็แค่รับผิดชอบต่อปัญหา เจรจาหาทางออก และหาเงินไปคืนเขาให้ได้ในที่สุด
ถัดมาผมเริ่มจัดเงินที่หามาได้ เมื่อได้เงินมา ผมจะกันเงินไว้กินข้าวคิดคำนวณง่ายๆ ว่ากินแบบประหยัดของเรา ใช้เงินประมาณมื้อละเท่าไหร่แล้วก็กันให้มีเงินกินได้ทั้งเดือน ตลอดระยะเวลาของการแก้หนี้ ผมพบความจริงว่า คนเราไม่มีพลัง ไม่มีความคิดสร้างสรรค์ หรือคิดอะไรได้ออก หากท้องยังหิว มันยังไม่อิ่ม ยังไงก็ยาก
ดังนั้น กันเงินไว้กินข้าว อย่าให้เจ้าหนี้หมดจนต้องอดอยาก เพราะนั่นจะยิ่งทำให้เราเสียความรู้สึกที่ดีกับตัวเองหนักเข้าไปอีก เป็นหนี้ก็ต้องแก้กูรู้โว้ย แต่ถ้ากูอดกูหิว สมองกูก็ไม่แล่น แก้ปัญหาไม่ได้ หรือหนักเขา กูตายไปก็คงแก้ปัญหาให้ใครไม่ได้ เชื่อผมนะครับ กินประหยัดหน่อยได้ แต่อย่าให้ท้องหิว
เงินอีกส่วนที่ผมจะแอบเก็บไว้ให้ตัวเอง ก็คือ บ่อน้ำแห่งความหวัง เหมือนที่ผมได้เล่าให้ฟังไปในบทก่อนหน้า เจ็บจนแค่ไหนก็ต้องออม แม้มันจะนิดจะน้อย ก็เอาเถอะ ถือว่าทำงาน 30 วัน แบ่งเศษเงินที่หามาได้เป็นกำลังใจให้ตัวเองเสียหน่อย จะฝากประจำ จะซื้อกองทุนรวมได้หมด ไม่มีอะไรผิดกติกา
อีกเรื่องที่ผมทำตอนเป็นหนี้ ก็คือ เก็บเงินไว้กินมื้ออร่อยกับแฟน หรือพาแฟนไปเที่ยวบ้าง เขาต่อสู้ปัญหาหนี้กับเรามาตลอด ก็พักบ้าง ให้รางวัลกับความพยายามของตัวเองบ้าง เงินน้อยก็ไม่ต้องเที่ยวแพง บางแสนก็ได้ เมืองโบราณก็ได้ สมัยผมเงินไม่ค่อยมี ก็เที่ยวสถานที่กลุ่มนี้เลยครับ แต่พอมีตังค์หน่อยก็อัมพวา ชะอำ หัวหิน เขาใหญ่ เชียงใหม่ ก็ว่ากันไป
จนแล้วก็ไม่ต้องเศร้าตลอดเวลาก็ได้ ยิ้มได้บ้าง หัวเราะได้เรื่อยๆ กอดกันบ้าง บอกคนที่รัก ให้กำลังใจเขาบ้าง ขอบคุณเขาบ้าง ที่เขาอยู่ข้างเรามาตลอด และไม่เคยทิ้งไปไหน
อย่าให้ความสำคัญแต่กับเงินและเจ้าหนี้ จนลืมคนที่สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับคุณมาโดยตลอด หาเวลาพาลูกเที่ยวบ้าง ออกกำลังกายกับลูกๆ บ้าง บางทีของเล่นที่ลูกคุณอยากได้มากที่สุด อาจไม่ใช่สมาร์ทโฟน หรือเกม แต่เป็นเวลาที่พ่อ แม่แบ่งให้เขา เจียดให้เขา พอให้ได้ใช้เวลาคุณภาพร่วมกันในครอบครัวบ้าง
เหนือสิ่งอื่นใด “หนี้” ไม่ใช่เจ้าชีวิตเรา จริงอยู่ที่เป็นหนี้ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้ามันต้องใช้ระยะเวลานานในการสู้ กว่าจะผ่านปัญหาทั้งหมดไปได้ ก็ลองแบ่งเกมการต่อสู้ของเรา ให้ได้พัก ให้ได้หายใจ ให้ได้เติมไฟ เติมพลังเป็นช่วงๆ
ให้ชีวิตได้สะสมช่วงเวลาดีๆ เป็นคลังแสงแห่งกำลังใจ เอาไว้ทด เอาไว้ชดเชย โชคร้ายที่อาจเข้ามากระหน่ำในวันข้างหน้าบ้าง มันจะได้พอทนไหวพอผ่านมันไปได้ ไม่ใช่จมอยู่ตลอด เจ็บอยู่ทุกวัน พอโดนซ้ำมันจะยิ่งหนักยิ่งหมดแรง
ผมขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่กำลังเหนื่อยหนัก เรื่องคิดทำร้ายตัวเอง ผมขออย่าให้มันผ่านเข้ามาในหัวคุณ แม้แต่วินาทีเดียว เพราะต้องบอกเลยว่า มันไม่ใช่ทางออกของปัญหาอย่างแน่นอน
ขอให้คุณสื่อสารกับคนที่คุณรักและรักคุณให้มากๆ บอกรักกันทุกวันในวันที่เป็นหนี้ คุยเป้าหมายชีวิต คุยความฝันกันบ่อยๆ ในวันที่ไม่มีเงินสักบาทในกระเป๋า และขอให้กอดกันไว้แน่นๆ ในวันที่โลกทำร้ายเราหนักหน่วงและรุนแรงที่สุด
“โลกนี้ไม่มีกฎหมายห้ามคนเป็นหนี้ ไม่ให้มีความสุข”
ขอให้คุณสู้จนวันที่ทุกปัญหาผ่านพ้น ... ผมขอส่งพลังและกำลังใจให้ทุกคนครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี