องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ หรือ OECD ได้ออกมาคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้อีกครั้งในอีก 2 ปีข้างหน้าและคาดจีดีพีจะกลับมาขยายตัวได้เทียบเท่าก่อนช่วงโควิดระบาดประมาณสิ้นปี 2021 “จากความคืบหน้าวัคซีน” และการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จากรัฐบาลต่างๆ รวมทั้งการดำเนินการของบรรดาธนาคารกลางทั่วโลก
ทั้งนี้ OECD คาดว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลกจะได้รับอานิสงส์จากส่วนหนึ่งจากประเทศจีนที่มีความเป็นไปได้จะมาเปลี่ยนแปลงการเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลก อันเนื่องจากจีนถูกคาดว่าการเติบโตจะคิดเป็น 1 ใน 3 ของเศรษฐกิจโลกในขณะที่ยุโรปและอเมริกาเหนือจะยังโตได้น้อยกว่า เป็นเพราะว่าประเทศจีนมีการเริ่มต้นฟื้นตัวได้ก่อนประเทศอื่นๆและน่าจะเห็นเศรษฐกิจขยายตัวได้มากสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ที่ 1.8% และยังคาดว่าจะเป็นเพียงประเทศเศรษฐกิจแห่งเดียวที่โตได้มากสุดเป็นประวัติการณ์แห่งปี 2020 และในปี 2021 คาดเศรษฐกิจจีนจะโตได้ 8% และ โตได้ 4.9% ในปี 2022 ส่วนสหรัฐฯคาดจีดีพีจะหดตัวครั้งประวัติศาสตร์แตะ -3.7% ในปีนี้ ก่อนจะโตได้ 3.2% ในปีหน้า และ 3.5% ในปี 2022 และ เศรษฐกิจยุโรปคาดจีดีพีจะหดตัว -7.5% ในปีนี้ และโตได้ 3.6% ในปี 2021 ขณะที่ปี 2022 คาดจีดีพีขยายตัวแตะ 3.3%
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่มาช่วยหนุนให้เศรษฐกิจโตได้ แต่การระบาดของไวรัสโคโรนา ก็ยังจะเป็นปัจจัยที่สร้างความเปราะบางต่อเศรษฐกิจในหลายๆประเทศทั่วโลก และน่าจะใช้เวลานานในการฟื้นตัว
สำหรับเศรษฐกิจประเทศไทยนั้น หลายหน่วยงานวิชาการด้านเศรษฐกิจ รวมทั้งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ออกมาประเมินทิศทางของเศรษฐกิจไทย ว่า ในปี 2563 จะติดลบน้อยลงกว่าที่ประเมินกันไว้ก่อนหน้านี้ คืออาจจะหดตัวเพียง 6-7% จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 8-10%และเชื่อว่าประเทศจะฟื้นฟูประมาณ 12-18 เดือนจากนี้
โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวไว้ในงานดินเนอร์ทอล์ก ที่จัดโดย สมาคมนิสิตเก่าวิศวะจุฬาฯว่า ตอนนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างอุตสาหกรรมของประเทศให้แข่งขันได้ คนที่สำคัญมากคือเอกชนไทย ส่วนรัฐบาลก็จะเร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานรอรับนักลงทุนที่จะมาลงทุน
ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Thailand 2020 : New Game, New Normal ว่าไทยยังต้องพึ่งพาการใช้จ่ายในประเทศเป็นหลัก นอกเหนือจากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งขณะนี้มองเห็นสัญญาณการบริโภคในช่วงต้นปี’64 ยังแผ่วอยู่ รัฐบาลจึงจำเป็นต้องต่ออายุมาตรการคนละครึ่งออกไปอีก 3 เดือน รวมทั้งมาตรการเที่ยวด้วยกัน ซึ่งในส่วนของเงื่อนไขมาตรการเราเที่ยวด้วยกันจะมีการปรับใหม่หรือจะมีการเสนอมาตรการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกระทรวงการท่องเที่ยวฯซึ่งเป็นผู้ออกแบบมาตรการดังกล่าว
ส่วนนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ คาดว่า GDP ปีนี้ จะติดลบน้อยลง เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของไทยเริ่มขยับได้ รวมถึงมาตรการภาครัฐ ทำให้ดีขึ้น โดยเศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และปีหน้าคงต้องพึ่งพาเศรษฐกิจในประเทศก่อน สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือการจ้างงาน คนอาจจะว่างงานมากขึ้น ปัญหาหนี้ครัวเรือนสูง ที่ส่งผลต่อกำลังซื้อและเป็นปัญหาสังคม รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่าค่อนข้างมาก ก็เป็นโจทย์ที่ต้องดูร่วมกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ขณะที่มุมมองของภาคเอกชนรายใหญ่ของไทย เช่น นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. ปตท. นั้นมองว่าปี 2564 เป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องช่วยกัน ให้ผ่านไปให้ได้ เรื่องการจ้างงานเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าคนว่างงานมาก อาจจะทำให้ตามมาด้วยปัญหาสังคมอื่นๆ/ระยะสั้น ปตท.จึงเพิ่มปริมาณการจ้างงาน และเร่งลงทุน
ด้านนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อยากฝากไว้ให้บริษัทใหญ่ลงทุนเยอะๆ เพราะถ้าโควิด-19
ผ่านไป จะได้มีแรงแข่งขันกับภายนอกประเทศ และอยากให้ภาครัฐดูแลเรื่องการจ้างงานมากขึ้น ส่วนการลงทุนในอนาคต กัลฟ์จะลงทุน fossil fuel ลดลง แต่ ลงทุนใน พลังงานทดแทนมากขึ้น และในแง่เอกชนก็ อยากเห็นรัฐบาลและ การเมืองที่มีเสถียรภาพ ส่วนตัวอยากให้แก้รัฐธรรมนูญและทบทวนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ให้เหมาะสมเพราะต้องยอมรับโควิด-19 เปลี่ยนโลกไปมาก
ขณะที่นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)กล่าว ว่า ธุรกิจธนาคารในประเทศไทย ต้องปรับตัวมาก หลังเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลง และผลกระทบ
โควิด-19 โดยตอนนี้เงินบาทแข็งค่ามาก ต้องลงทุน แต่เป็นโจทย์ว่าต้องลงทุนอะไร และต้องคิดว่ารายใหญ่จะทำอย่างไรให้รายเล็กยืนอยู่ได้ด้วย เป็นพันธมิตรกัน อีกทั้งมองว่า ต้องใช้วิกฤตินี้เป็นโอกาสในการสร้างสิ่งใหม่ๆ พัฒนาสิ่งดีๆ เพิ่ม เช่น mobile banking app ซึ่งที่ผ่านมาเกิดยาก แต่ช่วงนี้ จากมาตรการรัฐมากระตุ้น เช่น “คนละครึ่ง” “เราเที่ยวด้วยกัน” ก็ทำให้คนมาสนใจและใช้ประโยชน์มากขึ้น
** กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี