สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดยังคงเป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจโลกในปี 2564 ท่ามกลางข่าวการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 แต่ก็ยังมีประเด็นเรื่องความเพียงพอและการเข้าถึงวัคซีนแล้ว สถานการณ์ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยจะเป็นอย่างไร
ก่อนหน้านี้ธุรกิจท่องเที่ยว เริ่มมีข่าวเชิงบวก เมื่อการพัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 มีผลความคืบหน้ามากขึ้น และจะเริ่มมีการใช้วัคซีนกับประชาชนในหลายประเทศได้ประมาณปลายปี 2563 เป็นต้นไป ขณะที่ประเทศไทยก็ได้มีการลงนามจองซื้อวัคซีนล่วงหน้าและคาดว่าจะสามารถใช้ได้ในช่วงครึ่งหลังของ
ปี 2564 เช่นกัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อทิศทางการระบาดของโควิดในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ ข้อมูล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า ในเดือนตุลาคม 2563 นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมีจำนวน 1,201 คน เป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในช่วงนี้จะมีสัดส่วนที่น้อยหรือเพียงประมาณ 0.05% จากช่วงเวลาปกติในแต่ละเดือน แต่เป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทย และคาดว่าในช่วงที่เหลือของปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติน่าจะขยับเพิ่มขึ้นจากเดือนตุลาคม ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 6.7 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ชี้ว่า แนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปีหน้ายังอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากตลาดท่องเที่ยวยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ทั้งในและต่างประเทศ และผลของการใช้วัคซีนป้องกันโควิดกับประชาชนในบางประเทศ ซึ่งจะเป็นตัวแปรสำคัญต่อทิศทางการท่องเที่ยวของไทย พร้อมประเมินสถานการณ์ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยปี 2564 คาดว่าจะมีจำนวนประมาณ 4.5-7.0 ล้านคน
สำหรับ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2564 ที่ยังอยู่ในระดับต่ำนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ยังมีปัจจัยอื่นๆ ประกอบ แม้ว่าในระยะข้างหน้าประเทศไทยจะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นก็ตาม แต่การเดินทางระหว่างประเทศยังต้องขึ้นอยู่กับนโยบายการผ่อนคลายการท่องเที่ยวของแต่ละประเทศเช่นกัน ซึ่งบางประเทศเปิดให้เดินทางท่องเที่ยวไปยังเฉพาะประเทศที่ทางการแต่ละประเทศกำหนด
ประกอบกับความต้องการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศในปี 2564 นั้น ยังมีข้อจำกัด ซึ่งเป็นผลจากนักท่องเที่ยวยังมีความกังวลที่จะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงที่ยังมีการระบาดของไวรัส และการท่องเที่ยวต่างประเทศยังมีค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยวต่อทริปที่สูง จากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้น เช่น ค่าตรวจร่างกายก่อนการเดินทาง และค่าใช้จ่ายประกันสุขภาพ เป็นต้น ทำให้การเดินทางยังจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ขณะที่กลุ่มกำลังซื้อปานกลาง-ล่างน่าจะยังไม่ฟื้น อีกทั้งปริมาณการเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่ยังต่ำ ส่งผลให้เส้นทางการบินยังไม่กลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการเดินทางท่องเที่ยว
ขณะที่ ธุรกิจในห่วงโซ่ของภาคการท่องเที่ยวยังต้องเผชิญกับความยากลำบากต่อเนื่องโดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการที่เน้นการทำตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ต้องปรับแนวทางการทำธุรกิจ ซึ่งผู้ประกอบการบางรายเลือกที่จะปิดกิจการชั่วคราว ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายที่จำเป็นต้องเปิดให้บริการก็ปรับกลยุทธ์การตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวไทย หรือธุรกิจโรงแรมและที่พักต้องปรับเป็นรูปแบบการให้บริการที่พักแบบระยะยาว การเข้าร่วมโปรแกรม ASQ เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างรายได้
อย่างไรก็ดี ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้นอาทิ มาตรการสินเชื่อเพิ่มเติม และการหาแนวทางความเป็นไปได้ในการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับซื้อสินทรัพย์มาพักชั่วคราว (Asset Warehousing)แผนการตลาดเพื่อดึงชาวต่างชาติที่ต้องการเดินทางมาพำนักระยะยาวในไทยมากขึ้น การร่วมมือกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ในการจองห้องพักจัดทำแพ็กเกจเพื่อการกักตัว หรือ ASQ และมาตรการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศมากขึ้น
ปัจจัยข้างต้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงประเมินสถานการณ์ของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยในปี 2564 ว่า ยังต้องขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในหลายๆ ประเทศและผลของการใช้วัคซีน ซึ่งปัจจัยสำคัญทั้ง 2 ประการนี้ จะมีผลต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นหรืออาจจะต่ำกว่าในปี 2563
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี