nn ต้องยอมรับว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) นั้นมีส่วนสำคัญสำหรับเศรษฐกิจไทย และสิ่งที่ทุกรัฐบาลต้องทำคือสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างประเทศ เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศ ซึ่งตัวเลขล่าสุดของ FDI ในช่วง 9 เดือนแรก ของปี 2563 มีโครงการยื่นขอรับการส่งเสริมจำนวน 657 โครงการ ลดลง 1% โดยมีมูลค่าเงินลงทุนรวม 118,504 ล้านบาท ลดลง 29% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยประเทศญี่ปุ่น มีการลงทุนสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน139 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 37,545 ล้านบาท ตามด้วยจีนจำนวน 129 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 21,237 ล้านบาท และเนเธอร์แลนด์ จำนวน 62 โครงการ มูลค่าเงินลงทุน 17,514 ล้านบาท
หนึ่งในกระบวนการสร้างความเชื่อมั่น คือการจัดเวทีหารือระหว่างรัฐบาลไทยกับสมาชิกของหอการค้าต่างประเทศ ผ่านการจัดการของ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งจัดขึ้นมาทุกปีเพื่อรับฟังความเห็นของนักธุรกิจต่างประเทศที่ลงทุนในไทย และจะนำข้อเสนอที่ได้รับจากหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทยไปประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ก่อน คุณสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้ร่วมหารือกับหอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย (JFCCT) โดยมีตัวแทนหอการค้าต่างประเทศ 35 คน และจากการหารือครั้งนี้ หอการค้าร่วมต่างประเทศในไทย ได้แจ้งปัญหาและอุปสรรคการลงทุนในไทย รวมทั้งเสนอแนวทางส่งเสริมการลงทุนในไทย หลายประเด็น เช่น การผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะนักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญเฉพาะ ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่ต้องกักตัว14 วัน ในสถานที่สำหรับเป็นที่กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ (Alternative State Quarantine) ซึ่งต้องการให้มีการปรับให้เหมาะสม เช่น นักธุรกิจที่เดินทางมาเจรจาธุรกิจต้องกักตัว 14 วัน หากลดลงก็คาดว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่นักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น รวมทั้งในกรณีที่เครื่องจักรในโรงงานมีปัญหาต้องให้ช่างทางเทคนิคจากต่างประเทศเข้ามาแต่ต้องกักตัว 14 วัน อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต ซึ่งอาจปรับลดเวลาหรือกักตัวอยู่ในโรงงานที่สามารถสั่งงานได้ เป็นต้น
ส่วนเรื่องการดึงดูดการลงทุนนั้น ได้ขอไทยให้เร่งเปิดให้นักธุรกิจต่างชาติเข้ามาลงทุนธุรกิจบริการ โดยไม่ต้องขออนุญาตดำเนินธุรกิจในไทยภายใต้บัญชีแนบท้าย 3 ของ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้ามาลงทุน
นอกจากนี้ ต้องการให้ไทยมีการปรับปรุงระบบระเบียบต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มมากขึ้น เช่น การขอวีซ่าพิเศษของนักธุรกิจต่างชาติเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ามาติดต่อดำเนินธุรกิจ หรือสมาร์ทวีซ่า ซึ่งจะช่วยทำให้การนำผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้ามาปฏิบัติงาน ในประเทศไทยได้ง่ายขึ้น รวมถึงการขอใบอนุญาต Work Permit ในการเข้ามาทำงานในประเทศไทย เป็นต้น โดยการปรับปรุงให้มีความสะดวกรวดเร็วจะช่วยเสริมสร้างบรรยากาศการลงทุนได้เป็นอย่างดี
และเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ที่ผ่านมามีการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน...ที่ประชุมได้เห็นชอบมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2564 โดยที่ประชุมได้อนุมัติแพ็กเกจกระตุ้นการลงทุนในปีหน้า 4 มาตรการ
1.มาตรการยกระดับกิจการด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยบริษัทหรือกิจการที่ดำเนินการอยู่เสนอแผนลงทุนที่มีการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับกระบวนการทำงาน เช่น การนำซอฟต์แวร์หรือระบบสารสนเทศมาใช้ในการเข้าสู่ระบบ National E–Payment และระบบอื่นๆ ของหน่วยงานภาครัฐเป็นต้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องลงทุนด้านเครื่องจักรและอุปกรณ์ ผู้ยื่นขอรับการส่งเสริมมาตรการนี้จะสามารถได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 3 ปี ในสัดส่วนร้อยละ 50 ของเงินลงทุน ทั้งนี้ บีโอไอกำหนดเงื่อนไขว่า หากเป็นบริษัทหรือกิจการทั่วไป วงเงินลงทุนต้องมีขนาดไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่นับรวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ส่วนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีต้องมีวงเงินลงทุนเพียง 5 แสนบาท โดยสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565
2.มาตรการกระตุ้นลงทุนปี 2564 สำหรับโครงการที่มีการลงทุนจริง 1,000 ล้านบาทขึ้นไป โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยมาตรการนี้กำหนดให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ หากเป็นโครงการที่มีเงินลงทุนจริงอย่างน้อย 1,000 ล้านบาท ภายใน 12 เดือน หลังออกบัตรส่งเสริม และไม่อนุญาตให้ขยายเวลาในขั้นตอนการตอบรับให้การส่งเสริมและการออกบัตรส่งเสริม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2564 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2564
3.มาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี เชียงราย ตราด ตาก นครพนม นราธิวาส มุกดาหาร สงขลา สระแก้ว หนองคาย และพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อกระตุ้นการลงทุนในภูมิภาค โดยขยายเวลารับคำขอส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ SEZ 10 จังหวัด ออกไปอีก 2 ปีถึงวันสุดท้ายของปี 2565 และ มาตรการนี้ ครอบคลุมทุกประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมกว่า 300 กิจการ แต่หากเป็นกิจการที่อยู่ใน 14 กลุ่มกิจการเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมเกษตร ประมง สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่มและเครื่องหนังเครื่องเรือน อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องมือแพทย์ พลาสติก กิจการท่องเที่ยว เป็นต้น จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี และลดหย่อนภาษี 50 % อีก 5 ปี
4.ขยายเวลารับคำขอส่งเสริมการลงทุนสำหรับมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกไปอีก2 ปี เช่นเดียวกัน แบ่งเป็น 2 มาตรการ คือ 1) มาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา ปัตตานี นราธิวาส สตูล และ 4 อำเภอ ในจังหวัดสงขลา ได้แก่ อำเภอจะนะ นาทวี สะบ้าย้อย และเทพา และ 2) มาตรการส่งเสริมการลงทุนภายใต้โครงการเมืองต้นแบบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน 4 พื้นที่ ได้แก่ อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี อำเภอเบตง จังหวัดยะลา อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส และอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา สำหรับการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ กำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500,000 บาท และใช้เครื่องจักรที่มีอยู่เดิมร่วมได้ด้วย และหากมีโครงการที่ลงทุนอยู่แล้วเดิม ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งโครงการเดิม และโครงการลงทุนใหม่
นอกจากนี้อกจากนี้ ยังมี 5 ประเภทกิจการที่เปิดให้การส่งเสริมการลงทุนในเฉพาะพื้นที่ SEZ และ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เท่านั้น โดยยื่นขอรับการส่งเสริมได้ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565 ได้แก่ 1) กิจการผลิตวัสดุก่อสร้างและกิจการผลิตผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรงสำหรับงานสาธารณูปโภค 2) กิจการผลิตสิ่งปรุงแต่งสำหรับประทินร่างกาย เช่น สบู่ ยาสระผมยาสีฟัน เครื่องสำอาง 3) กิจการผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกสำหรับสินค้าอุปโภค เช่น บรรจุภัณฑ์พลาสติก 4) กิจการผลิตสิ่งของจากเยื่อหรือกระดาษ เช่น กล่องกระดาษ 5) กิจการพัฒนาอาคารสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมและ/หรือคลังสินค้า
ที่ผ่านมาประเทศไทยและทุกประเทศทั่วโลกได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ประเทศไทยนั้นบริหารจัดการสถานการณ์ได้ค่อนข้างดีทำให้อุตสาหกรรมการผลิตของไทยค่อยๆ กลับมาฟื้นตัว และเริ่มมีคำสั่งซื้อกลับเข้ามาต่อเนื่อง ดังนั้นหากไทยเร่งยกระดับตัวเองให้มีความพร้อมรองรับการลงทุนใหม่ ได้เร็วกว่าคนอื่น ก็จะเป็นอีกแรงที่จะสนับสนุนให้เศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี