nn การเริ่มต้นฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในหลายประเทศ และอีกหลายประเทศทั่วโลกเร่งคิดค้นและผลิต ส่งผลให้หลายฝ่ายคาดว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มจะทยอยฟื้นตัว รวมทั้งเศรษฐกิจไทยประกอบกับรัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ กระตุ้นกำลังซื้อ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายส่วนเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งขณะเดียวกันปัญหาโลกร้อนทำให้นโยบายของประเทศต่างๆโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของ โจ ไบเดน ให้ความสำคัญกับพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น รวมไปถึงนโยบายการเปิดเสรีไฟฟ้าที่กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังผลักดันเหล่านี้ล้วนทำให้อุตสาหกรรมไฟฟ้ายังคงเป็นพลังงานพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับประเทศ
อย่างไรก็ตาม ทิศทางพลังงานในอนาคต “พลังงานสะอาด”จะก้าวมามีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนจึงนับเป็นความท้าทายของอุตสาหกรรมพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า ที่ไม่สามารถหยุดนิ่งในการพัฒนา เพื่อมองหาพลังงานที่สามารถสร้างความมั่นคง ในขณะที่ต้องตอบโจทย์ด้านการผลิตที่มีประสิทธิภาพสูง ต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำ และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม อีกทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายเปิดกว้างให้ภาคเอกชนสามารถเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าได้มากขึ้น ในรูปแบบสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระหว่างเอกชนกับเอกชน หรือ Private PPA (Private Power Purchase Agreement ) หรือภาพตลาดไฟฟ้าที่เปลี่ยนไปเมื่อผู้บริโภคกลายเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าเองด้วย หรือ Prosumer ที่มีมากขึ้นจึงเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการแข่งขันของกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้าจำเป็นต้องเตรียมแผนรองรับและมุ่งเน้นขยายการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อเพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่เป็น New S-Curve เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจพลังงานและธุรกิจไฟฟ้าในอนาคต
บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ในฐานะแกนนำด้านนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. (The innovative power flagship of PTT Group) เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโรงไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภคที่มีการปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยกำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ 3 กลยุทธ์หลัก “3S” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายองค์กรในระยะยาว ดังนี้
S1: SYNERGY & INTEGRATION GPSC มุ่งที่จะแสวงหาการผนึกกำลังหรือ Synergy กับพันธมิตรในการสร้างโอกาสในการลงทุนและการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมาคือการเข้าซื้อกิจการของบริษัท โกลว์ พลังงาน จํากัด (มหาชน) หรือ GLOW ทำให้GPSC เติบโตอย่างก้าวกระโดดเพิ่มกระแสเงินสด มีความพร้อมสำหรับการลงทุนได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้ GPSC ยังสามารถ การบริหารสินทรัพย์ทั้งหมดเชิงบูรณาการ ให้มีเอกภาพ คล่องตัว เข้มแข็ง พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงและแผนการขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมถึงการปรับปรุงผลประกอบการให้สูงขึ้น ผ่านโครงการต่างๆ (SynergyInitiatives) ตามแผนงานการสร้างมูลค่าร่วมส่วนเพิ่มจากการควบรวมกิจการดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันโครงการยังคงเดินหน้าด้วยดีโดยปีนี้ GPSC คาดว่าจะสามารถรับรู้มูลค่า Synergy จากการควบรวมกิจการกับ GLOW มากกว่า 500 ล้านบาท และคาดว่ามูลค่า Synergy จะค่อยๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนสามารถรับรู้มูลค่าที่ประมาณ 1,600 ล้านบาท ในปี พ.ศ. 2567
S2: SELECTIVE GROWTH GPSC มุ่งขยายธุรกิจและเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยมีแนวทางการพิจารณาการลงทุนสอดคล้องตามกลยุทธ์ ความเสี่ยง และเกณฑ์การตัดสินใจลงทุน ทั้งนี้ จากทิศทางของอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงไป ความเคลื่อนไหวของแวดวงผู้ผลิตไฟฟ้า ต่างมุ่งพัฒนานำนวัตกรรม และเทคโนโลยีมาสู่การพัฒนาโรงไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนชนิดต่างๆ เพิ่มขึ้น ทำให้ช่วง 10 ปีนี้ เราได้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่นเดียวกัน GPSC มุ่งขยายธุรกิจโดยเน้นเพิ่มสัดส่วนการผลิตพลังงานหมุนเวียนเป็น30% ในปี 2568 จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนอยู่ที่ 11% เพื่อให้สอดรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมพลังงานไฟฟ้าดังกล่าว
นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) ปตท. และ GPSC ได้มีเปิดเผยความชัดเจนของแผนการเติบโตในพลังงานหมุนเวียนร่วมกัน ผ่านบริษัท โกลบอล รีนิวเอเบิล เพาเวอร์ จำกัด (GRP) โดยจะร่วมกันขยายการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นการลงทุนประเภทธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar energy) และพลังงานลม (Wind energy) ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงการเป็น Power Flagship และ Synergy ร่วมกันในกลุ่ม ปตท. ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นเป้าหมายในการขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานหมุนเวียน ที่จะนำไปสู่การเพิ่มศักยภาพ ความเชี่ยวชาญ และโอกาสในการขยายโครงการใหม่ๆ ในระดับสากล รวมทั้งส่งผลให้ GPSC สามารถบริหารจัดการทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
S3: S-CURVE GPSC มุ่งเน้นการขยายการลงทุนด้านนวัตกรรมเพื่อสร้างรายได้จากธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่เป็น New S-Curve เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการทำธุรกิจพลังงานและธุรกิจไฟฟ้าในอนาคต และเป็นผู้นำด้าน Energy Solution Provider ของกลุ่ม ปตท. ผ่านการดำเนินการพัฒนาธุรกิจใหม่ 3 ส่วน คือ
1.Battery Business การลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ต้นแบบ Semi Solid แห่งแรกของประเทศไทย ที่จะเป็นกลไกสำคัญในการเพิ่มประสิทธิของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดประเทศ มีเทคโนโลยีเป็นของตนเอง ในการอุดช่องโหว่ของการใช้พลังงานหมุนเวียนให้เต็มประสิทธิภาพ โดยกำลังการผลิตเฟสแรกที่ 30 เมกะวัตต์-ชั่วโมง ซึ่งคาดว่าจะได้ First battery cell ภายในปีนี้ โดยขณะนี้ GPSC ได้มีการประสานงานกับหลายภาคส่วนในการทำตลาด ทั้งในส่วน Mobility และ Stationary ซึ่งจะรองรับการใช้งานรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV Bus) สถานีอัดประจุไฟฟ้า และการประยุกต์ใช้งานด้านอื่นๆ เป็นต้น ก่อนที่จะพิจารณาขยายการลงทุนในเฟสต่อไป
2. Energy Storage & System Integration การพัฒนาธุรกิจการเป็นผู้ให้บริการระบบกักเก็บพลังงานอัจฉริยะ SmartEnergy Storage System: ESS ซึ่งใช้ในการควบคุมการจัดเก็บและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพโดยในปัจจุบัน GPSC ได้ดำเนินการโครงการต่างๆ เช่น การร่วมมือกับ บริษัท พีทีทีโกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC นำระบบ ESS ขนาด 1.5 เมกะวัตต์ชั่วโมง มาเพิ่มความมั่นคงและประสิทธิภาพของระบบไฟฟ้าที่ป้อนให้แก่อาคารสำนักงานและศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีของ GC จังหวัดระยอง โครงการนำร่องเมืองอัจฉริยะ หรือ “Smart City” ให้กับสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) เพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ หรือ innovation platform รองรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve ต่อไป เป็นต้น 3. Smart Energy Management การศึกษา วิเคราะห์ คัดเลือกเทคโนโลยีในการบริหารจัดการพลังงานที่เหมาะสมกับตลาด New Energy เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
ทั้งนี้ เมื่อ 21 ส.ค. 2563 ปตท. ได้ประกาศเรื่องปรับพอร์ตการลงทุนด้วยการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน GPSC เพิ่มอีก 8.91% ส่งผลให้ ปตท. มีสัดส่วนถือหุ้นรวมเป็น 31.72% จากเดิมที่ถือ 22.81% ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นบริษัทแกนนำด้านนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ GPSC จึงได้มีการรีแบรนด์ครั้งสำคัญ โดยตั้งเป้าหมายไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมพลังงาน ถือเป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างนวัตกรรม เพื่อรองรับกับการเติบโตของธุรกิจและการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นตามแผน New S-Curve ต่อไป
นับเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดสำหรับการ Synergy ระหว่าง GPSC และ ปตท. ที่จะนำไปสู่การผนึกกำลังพลิกโฉมธุรกิจไฟฟ้าครั้งใหม่ของไทยที่เพิ่มศักยภาพให้ GPSC เป็น Power Flagship ของกลุ่ม ปตท. ด้วยจุดแข็งจากแบตเตอรี่ที่ผลิตจากโรงงานแห่งนี้ ซึ่งเตรียมนับถอยหลังเปิดตัวเร็วๆ นี้ เพื่อจะตอบโจทย์แผนธุรกิจของ GPSC และผลักดันให้ ปตท. บรรลุเป้าหมายการขยายพลังงานหมุนเวียน 8,000 เมกะวัตต์ ภายในปี 2573 สร้างความร่วมมือในการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและครบวงจรมากขึ้น
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี