บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โกลเบล็กวิเคราะห์หุ้นบริษัทโรงพยาบาลไทยนครินทร์ หรือ TNH งวดไตรมาส 1Q64 สิ้นสุด 31 ตุลาคม 2563 กําไรสุทธิ 70 ล้านบาท เติบโต 27%QoQ เนื่องจากรายได้เติบโต 8%QoQ จากที่เป็นช่วงไฮซีซั่นในฤดูฝนที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นและอัตรากําไรขั้นต้นปรับดีขึ้นสู่ 26% จาก 23% ใน 4Q63 ส่งผลให้อัตรากําไรสุทธิดีขึ้นสู่ 14% จาก12% ใน 4Q63 เมื่อเทียบกับ 1Q63 กําไรสุทธิลดลง 32%YoY เนื่องจากรายได้จากการรักษาพยาบาลลดลง 14%YoY ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส
โควิด-19 ทําให้จํานวนผู้ป่วยมาใช้บริการที่โรงพยาบาลลดลงในกลุ่มผู้ป่วยที่ใช้บริการทางการแพทย์กรณีไม่เร่งด่วนฉุกเฉินจึงชะลอการเข้ารับบริการทำให้อัตรากําไรขั้นต้นลดลงจากระดับ 28% ในงวด 1Q63 กําไรงวด 1Q64 คิดเป็น 23% ของประมาณการทั้งปีเดิมที่คาด 302 ล้านบาท
ปรับประมาณการกําไรปี 2564 ลง 7%
: ฝ่ายวิจัยคาดว่าผลการดําเนินงานปี 2564 ช่วงครึ่งปีแรกจะยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีรายได้จากศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูและศูนย์ตาครบวงจรที่เปิดบริการราวเดือนธันวาคม 2563 มาชดเชย อย่างไรก็ดีความกังวลเรื่องการระบาดซ้ำของไวรัสโควิด-19 ในเดือนธันวาคมและมกราคมเราคาดผลการดำเนินงานงวด 2Q64 ราว 65 ล้านบาท-7%QoQ +6% YoY จากความกังวลเรื่องการระบาดซ้ำทำให้ฝ่ายวิจัยปรับประมาณการรายได้จากการรักษาพยาบาลลดลง 2% เหลือ 2,035 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 1% YoYด้วยสมมุติฐานอัตรากําไรขั้นต้นคงเดิมที่ 25.3% ส่งผลให้ประมาณการกําไรสุทธิใหม่ ลดลง 7% เหลือ 280 ล้านบาท ซึ่งยังเติบโต 9%YoY
สภาพคล่องไม่มีปัญหา
: แผนดําเนินการโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 ยังไม่ยกเลิกแต่อยู่ระหว่างทบทวนและปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามสภาวะต่างๆ ที่เปลี่ยนไปทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัวทําให้บริษัทมีนโยบายใช้แหล่งเงินสดภายในกิจการเป็นลําดับแรก และทบทวนใหม่เกี่ยวกับแบบก่อสร้างซึ่งอาจจะทยอยทําทีละเฟสย่อยเพื่อลดภาระในการกู้เงินและลดความเสี่ยงทางการเงินทําให้ยังไม่จําเป็นกู้เงินจํานวนมาก ปัจจุบันบริษัทยังคงไม่ได้ใช้วงเงินกู้ 3,000 ล้านบาท รวมทั้งยังไม่มีภาระหนี้สินทั้งระยะสั้นและระยะยาว (Gearing Ratio เท่ากับศูนย์) จึงไม่มีภาระต้นทุนทางการเงินและไม่น่ากังวลหากจะเริ่มกู้เงินในอนาคต เราคาดว่าโครงการโรงพยาบาลไทยนครินทร์ 2 ที่จะเริ่มก่อสร้างในปีงบการเงิน 2564 ในเบื้องต้นยังสามารถใช้กระแสเงินสดจากการดําเนินงานได้ก่อนซึ่งปกติบริษัทมีกระแสเงินสดเฉลี่ยปีละราว 300-400 ล้านบาท (งวดปี 2562 เท่ากับ 406 ล้านบาท งวดปี 2563 เท่ากับ 312 ล้านบาท)
คงคําแนะนํา “ถือ”
: เรามีมุมมองบวกต่อแนวโน้มธุรกิจที่สร้างกระแสเงินสดสม่ำเสมอในการประเมินราคาเหมาะสมโดยใช้สมมติฐาน Prospect PERที่ระดับ 19 เท่าซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลในตลาด SET ที่ซื้อขายที่ระดับ 36 เท่าประมาณการกําไรต่อหุ้นใหม่สำหรับปี 2564 เหลือ 1.56 บาท (จากเดิม 1.68 บาท)คํานวณได้ราคาเหมาะสมเท่ากับ 30 บาท (จากเดิม 32 บาท) ใกล้เคียงกับราคาปิดล่าสุดและคาดการณ์ yield ราว 1.5% จึงคงคําแนะนํา “ถือ”
ที่มา : บล.โกลเบล็ก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี