บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)อัพเดตแนวโน้มกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือ Property Sector จากข้อมูลของ Agency for Real E1state Affairs (AREA) ยอดเปิดโครงการใหม่ในปี 2563 ลดลง 39% YoY ต่ำสุดในรอบสิบปีที่ 73,043 ยูนิต โครงการแนวราบลดลง 9% YoY เหลือ 46,846 ยูนิต ขณะที่โครงการคอนโดมิเนียมลดลง 61% YoY ที่ 25,906 ยูนิต ต่ำสุดในรอบ 15 ปี จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้เห็นได้ว่าผู้ประกอบการระมัดระวังการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ และเน้นระบายยูนิตที่ยังค้างสต๊อกขณะที่โครงการแนวราบเป็นที่นิยมมากกว่า เพราะสร้างกระแสเงินสดได้เร็ว สามารถสร้างทีละเฟสช่วยลดความเสี่ยงกระแสเงินสดไหลออก
จำนวนยูนิตที่ขายได้ลดลง 35%
จำนวนยูนิตที่ขายได้ในปี 2563 เหลือ 65,279 ยูนิต ปัจจัยที่กดดันคือ อุปสงค์โครงการคอนโดมิเนียมที่ลดลง 47% YoY เหลือ 28,947 ยูนิต ขณะที่อุปสงค์โครงการแนวราบลดลงน้อยกว่าที่ 20% YoY เหลือ 35,589 ยูนิต ในรอบปี 2563 ผู้ประกอบการที่ทำโครงการคอนโดมิเนียมเกือบทุกรายใช้กลยุทธ์การตัดราคาขายในช่วงที่แรงซื้อจากนักลงทุนและผู้ซื้อต่างชาติหายไป ขณะที่การแข่งขันในตลาดโครงการแนวราบกลับไม่รุนแรงเท่า เพราะมีอุปสงค์ที่แท้จริงจากผู้ซื้อมาช่วยรองรับเอาไว้ นอกจากนี้ ส่วนแบ่งตลาดของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็เพิ่มเป็น 73% (จาก 68% ในปี 2562) และผลการดำเนินงานของผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดออกมาดีกว่าของผู้ประกอบการที่อยู่นอกตลาด
AREA ประเมินว่าอุปสงค์จะลดลง10%
AREA ยังคงคาดว่าอุปสงค์ที่อยู่อาศัยโดยรวมในปี 2564F ในกรุงเทพฯ และปริมณฑลจะลดลง 10% เหลือ 59,000 ยูนิต ขณะที่ KGI คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 10% YoY เป็น 72,000 ยูนิต เรามองว่าการที่อุปสงค์ที่อยู่อาศัยมีโอกาสเพิ่มในช่วง 5-10% YoY เนื่องจาก i) ฐานที่ต่ำในปี 2563 ii) เศรษฐกิจไทยทยอยฟื้นตัวและ iii) มีการพัฒนาโครงการโครงสร้างพื้นฐานในภาคการขนส่ง เช่น โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย (16 สถานี), สายสีทอง(4 สถานี) และสายสีแดง
ชอบหุ้นกลุ่มแนวราบมากกว่า
เรายังคงกลยุทธ์การลงทุนซึ่งเราชอบหุ้นกลุ่มที่พัฒนาโครงการแนวราบ โดยเฉพาะราคาระดับกลางถึงสูง เรายังคงยืนยันการใช้กลยุทธ์เลือกหุ้นเป็นรายตัว เราเชื่อว่าธนาคารจะยังคงปล่อยสินเชื่อระมัดระวัง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีฐานรายได้ต่ำ การแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมก็น่าจะยังเข้มข้นเพราะยังคงเน้นระบายสต๊อกเก่ายังคงให้น้ำหนักหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่ Neutral โดยเลือก AP (Thailand) (AP)(แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท)และ Supalai (SPALI) (แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 21.40 บาท) เป็นหุ้นเด่นในกลุ่ม
ปัจจัยเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจอ่อนแอลง และ COVID-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี