คำถามหนึ่งที่คนเป็นหนี้ชอบหลังไมค์มาถาม รวมถึงรายการ นิตยสารต่างๆ ชอบถามเวลาสัมภาษณ์ผม ก็คือ ...
วันที่ครอบครัวเป็นหนี้สิบกว่าล้าน (ตอนปี’40) คิดกับตัวเองยังไง ถึงพาชีวิตผ่านพ้นปัญหามาถึงวันนี้ ต่อไปนี้ คือ การตอบครั้งที่ผมรวบรวมความคิดตอบให้อย่างละเอียดที่สุด เท่าที่เคยนั่งตอบคำถามนี้มา
1. เชื่อว่าชีวิตไม่ได้เลวร้ายทุกวัน
เอาเข้าจริง ... ไม่ว่าจะเป็นหนี้หรือไม่เป็นหนี้ ชีวิตคนเราก็มีวันดีวันร้ายปะปนกันไปอยู่แล้ว ช่วงที่ผมเป็นหนี้ก็เหมือนกันก็ใช่ว่าจะมีแต่วันร้ายๆ เสียที่ไหน ตำแหน่งเลื่อน เงินเดือนขึ้น แฟนตอบรับรัก ขายของได้เงิน ฯลฯ มันก็มีวันดีๆ ให้จดจำเหมือนกันแหละน่า
ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำก็คือ วันที่มีความสุข ก็เก็บเกี่ยวความรู้สึกสะสมเอาไว้ให้ “เต็มถัง” ให้ตัวเรามีพลังใจพอสู้พอต้านทาน ในวันที่เจอกับเรื่องร้ายได้
วันไหนที่เรื่องร้ายเข้ามาซ้ำเติม ก็ตั้งสติ ค่อยๆ คิดแก้ปัญหากันไป เติมพลังให้ตัวเองหน่อย ท่องเอาไว้ว่า เรายังไม่ตาย ยังต้องเจอแบบนี้อีกเยอะ
2. คิดว่าปัญหามันน่าคุ้ม ที่จะสู้ จะแลก
ตอนเป็นหนี้ผมเองก็แอบตั้งคำถามอยู่เหมือนกันนะ ว่าเมื่อไหร่หนี้จะหมดวะ? คนที่ถามแบบนี้ไม่มีอะไรมาก นอกจากกำลังเหนื่อยหนัก และอาจจะกำลังท้ออยู่ด้วย
ตรงนี้ผมใช้หลักการของ เดล คาร์เนกี้ ในการรับมือกับเรื่องร้าย นั่นคือ คิดให้จบไปเลยว่า เรื่องร้ายที่สุดเนี่ย แม่งแค่ไหนถึงตายมั้ย เสียแขนขาไปเลยหรือเปล่า หมดเนื้อหมดตัว แล้วยังไงติดคุกมั้ย ฯลฯ คือคิดถึงความตายของเรื่องราว คิดให้เห็นทั้งหมด จะได้ไม่กลัวมัน
คิดแบบนี้บอกเลยครับว่าชัดเจนมากว่า “คุ้มที่จะสู้” เพราะเราจะอยากมีชีวิตอยู่ไปอีกนาน ดังนั้นถ้าสู้กับหนี้แค่ 10 ปีแล้วพ้นจากมันได้ ชีวิตเราจะมีความสุขไปตลอดชีวิต และไม่กลับมาจนอีกแล้ว
3. คิดไปข้างหน้า คิดแบบมีความหวังเสมอ
ผมไม่เคยเห็นคนประสบความสำเร็จ คนที่มีชีวิตก้าวหน้า คิดแต่เรื่องข้างหลังที่ทำให้ทุกข์ใจ มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ นะในช่วงเป็นหนี้ ผมต้องคอยพยายามเตือนตัวเองเสมอ ถ้าเผลอไปคิดเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ว่าทำไมต้องเป็นเรา ??? ทำไมเพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกัน ไม่เห็นเขาเจออย่างเราเลย อีกนานไหม กว่าชีวิตจะพ้นจากหนี้
เอาจริงๆ มันไม่มีประโยชน์เลย ผมรู้สึกของผมเองเสมอว่า ทุกครั้งที่เรากำลังรู้สึกสงสารตัวเอง หรือถามคำถามกับเรื่องที่ผ่านมาแล้ว ความคิด (ชีวิต) เราจะตกต่ำดำดิ่งลง
สิ่งที่คนจะพ้นจากปัญหาทำ ต้องทำตรงกันข้ามครับ นั่นคือคิดไปข้างหน้า คิดหาอะไรใหม่ๆ ทำ ต่อยอดไปเรื่อยๆ ไม่ทำให้ตัวเองว่างพอได้นั่งคิดเรื่องไม่ดี เอาความหวังดึงชีวิตให้พ้นเรื่องพังๆ ในอดีต
4. พาตัวเองออกจากสภาพแวดล้อมที่หดหู สิ้นหวัง
การคิดเรื่องลบเรื่องร้ายคนเดียว ก็หนักอยู่แล้ว แล้วถ้ายิ่งช่วยกันสุมช่วยกันรุมเร้าเรื่องร้ายให้เข้ามาในความคิด ยิ่งไปกันใหญ่
สมัยที่เป็นหนี้ ผมจะอยู่บ้านเฉพาะช่วงกลางคืน เพราะทุกคนหลับกันหมด เงียบพอทำให้ผมคิดและทำอะไรได้เยอะแยะ ส่วนตอนกลางวัน ผมจะอยู่นอกบ้าน ไม่ไปขายของ ไม่ไปรับงานที่ปรึกษา ก็นัดหุ้นส่วนคุยงาน (ธุรกิจฝึกอบรมและสิ่งพิมพ์) หรือไม่ก็ไปเดินดูอสังหาฯ (เริ่มจากเรียนเป็นโบรกเกอร์) ออกไปนั่งแปลหนังสือที่ฟู้ดคอร์ท เรียกว่า ทำทุกอย่างเพื่อให้ลืมสภาพแวดล้อมแย่ๆ ที่ไม่ช่วยให้เราเดินหน้า
ไม่ใช่ไม่รักครอบครัว แต่เมื่อบรรยากาศความจน พาคำพูดคำจาที่เป็นพิษ เป็น Toxic ให้เวียนไปวนมาอยู่ในหัว ใครจะไปคิดเรื่องก้าวไปข้างหน้าได้
รถจะเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ไม่ใช่ด้วยการมองกระจกมองหลัง (มันต้องมองกระจกมองหน้าสิ) ชีวิตก็เหมือนกันนั่นแหละ
5. เป็นนักฝัน ที่มีแผนการ
ช่วงที่ครอบครัวยังไม่พ้นหนี้ ทุกคนในบ้านชอบว่าผมว่า “ช่างฝัน” บ้าง “เพ้อเจ้อ” บ้าง แล้วก็คอยตบเตือนกล่อมเกลาด้วยประโยคคลาสสิก “พรุ่งนี้ต้องจ่ายหนี้เขา หามาคืนก่อนมั้ย อย่าไปฝันอะไรไกล”
แต่ผมไม่สนใจนะ เพราะเวลาที่ผมฝัน และผมโม้อะไรให้คนที่บ้านฟัง ผมมีแผนว่าจะทำอะไรต่อไปเสมอ แม้สุดท้ายแผนจะไม่สำเร็จ ก็ไม่เป็นไรนี่หว่า พรุ่งนี้ก็โม้โปรเจกท์ใหม่ โม้แม่มไปเรื่อยๆ โม้แล้วทำ ผมว่าวันหนึ่งก็สำเร็จ
สุดท้าย พอทำสำเร็จจริงๆ ไม่มีใครจำหรอกว่า เราล้มเหลวมากี่อย่าง มีแต่เราเท่านั้นแหละที่จำได้
ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังสู้กับหนี้นะครับ หวังว่าคำตอบทั้งหมดจะมีประโยชน์ให้ไปปรับใช้กันได้บ้าง
สู้ครับ ผมเป็นกำลังใจให้
#โค้ชหนุ่ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี