** จากกรณีที่ราคาสินค้ากลุ่มเหล็กปรับตัวสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2563 และยังคงอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จนส่งผลกระทบต่อผู้ใช้เหล็ก โดยเฉพาะกลับกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง ล่าสุดกลุ่ม 7 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทยได้เข้ายื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เพื่อเสนอ 5 แนวทางบรรเทาผลกระทบราคาเหล็ก พร้อมร่วมมือทั้งห่วงโซ่การผลิต ผลักดันเหล็ก 4.0 สร้างอุตสาหกรรมเหล็กให้ยั่งยืน
ทั้งนี้ นายนาวา จันทนสุรคน นายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย และผู้ประสานงานกลุ่ม 7 สมาคม ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กเปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2564 ผู้แทนกลุ่ม 7 สมาคมฯ เหล็ก ได้ยื่นหนังสือเรื่อง “ขอความอนุเคราะห์พิจารณาข้อเสนอแนวทางบรรเทาผลกระทบจากราคาสินค้าเหล็ก” ถึงนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาล โดยย้ำข้อเสนอ 5 ข้อ ประกอบด้วย (1) สร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน(2) กลุ่มผู้ผลิตในประเทศจะรายงานข้อมูลการผลิต(3) สนับสนุนให้ภาครัฐพิจารณาปรับเงินชดเชยค่างานก่อสร้างตามสัญญาแบบปรับราคาได้ (ค่า K)(4) ขอให้ภาครัฐสนับสนุนให้เกิดการใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าเหล็กในประเทศ (5) เร่งนำเสนอและผลักดันนโยบายอุตสาหกรรมเหล็ก 4.0 โดยเชื่อมั่นว่าหากนายกรัฐมนตรีสนับสนุน และมอบนโยบายตามข้อเสนอของ 7 สมาคมฯ เหล็กให้กับภาครัฐที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการผลักดันให้เกิดความร่วมมือกันทั้งห่วงโซ่การผลิตจะสามารถบรรเทาผลกระทบผู้ใช้สินค้าเหล็กได้
ขณะที่นายวิกรม วัชระคุปต์ ประธานคลัสเตอร์วัสดุก่อสร้าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่าสินค้าวัสดุก่อสร้างที่ใช้สินค้าเหล็กเป็นวัตถุดิบได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาสินค้าเหล็กเช่นกัน แต่ทั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่เป็นไปตามกลไกตลาด ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีการปรับราคาขึ้นไปในทิศทางเดียวกันทั่วโลก นอกจากนี้อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศยังมีส่วนช่วยชะลอการขึ้นราคาขายในประเทศ เนื่องจากราคาขายเป็นไปตามต้นทุนการผลิตที่สามารถจัดหาได้ ไม่ได้ปรับตามราคาซื้อขายตามราคาตลาดโลกทันที
สำหรับการบรรเทาผลกระทบของผู้รับเหมาก่อสร้างงานโครงการภาครัฐเชื่อว่าการปรับค่า K น่าจะเป็นมาตรการเร่งด่วนที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการได้ และในอนาคตเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมเหล็กควรจะมีการสร้างความเชื่อมโยง และร่วมมือกันตลอดทั้งห่วงโซ่การผลิตเหมือนหลายประเทศทั่วโลก เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีใต้
ด้านนายวิโรจน์ โรจน์วัฒนชัย ผู้อำนวยการสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยให้ความเห็นต่อแนวทางของกลุ่ม 7 สมาคมฯ เหล็กว่า เป็นแนวทางที่น่าสนใจ และเชื่อว่าหากมีความร่วมมือกันทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนจะสามารถดำเนินการบรรลุตามเป้าประสงค์ได้ นอกจากนี้มาตรการดังกล่าวยังครอบคลุมถึงมาตรการระยะสั้นซึ่งเป็นมาตรการเร่งด่วน เช่น การพิจารณาปรับค่า K หรือแม้แต่การร่วมมือกันระหว่างผู้ใช้ และผู้ผลิตซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมต้นทุนได้ และระยะยาวที่เน้นการสร้างความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเหล็กโดยเฉพาะความพยายามในการวางแผน และนำเสนอการพัฒนาอุตสาหกรรมเหล็ก 4.0
หมุนตามทุน...ได้รับข้อมูลจากผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแนวโน้มราคาเหล็กในช่วงปลายปี 2563 ถึงต้นปี 2564 ว่าราคาเหล็กที่เพิ่มขึ้นนั้น สาเหตุก็มาจากราคาเหล็กในตลาดโลกดีดตัวขึ้น เพราะความต้องการใช้เหล็กของโลกในปี 2564 จะเพิ่มเป็น 1,874 ล้านตันนำโดยประเทศจีนซึ่งผลิตและใช้เหล็กมากที่สุดราว55% ของโลก เหล็กที่จีนนำเข้าสูงสุด 3 ลำดับแรกคือ เหล็กแผ่นรีดร้อน 9.9 ล้านตัน เหล็กแผ่นรีดเย็น 3.8 ล้านตัน เหล็กแผ่นเคลือบ 2.4 ล้านตันส่งผลให้สินค้าเหล็กดังกล่าวที่จีนแย่งซื้อในตลาดโลกขาดแคลนและราคาสูงขึ้นมาตลอด เหตุที่จีนมีความต้องการใช้เหล็กเพิ่มขึ้น เนื่องจากการลงทุนของจีนในหลายอุตสาหกรรมเติบโตอย่างมหาศาล เช่น การผลิตรถยนต์เพิ่มขึ้น 89.9%เป็นเฉลี่ยเดือนละ 1.93 ล้านคัน การลงทุนในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตเมืองเติบโต 38.3% การลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่องเติบโต 34.1% ฯลฯ ส่งผลให้ประเทศจีนผลิตเหล็กไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ผลักดันให้ราคาเหล็กยังขึ้นต่อเนื่องคือ 1.โรงงานเหล็กในจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองถังซาน ซึ่งมีกำลังการผลิตเหล็กดิบมากกว่า 144 ล้านตัน ถูกรัฐบาลจีนสั่งให้ลดการผลิตลง (Production Cut) ราว 50% ระหว่างช่วงฉุกเฉินมีนาคม-มิถุนายน ตามมาตรการลดมลภาวะทางอากาศ 2.รัฐบาลจีนประกาศจะยกเลิก Rebate Tax (การให้คืนภาษี) 13% สำหรับสินค้าเหล็กส่งออกซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 พ.ค. 2564 จะยิ่งส่งผลให้สินค้าเหล็กส่งออกจากจีนมีราคาสูงขึ้นไปอีก
สำหรับประเทศไทยสามารถผลิตเหล็กดิบ(Crude Steel) ได้เองเป็นสัดส่วนเพียง 0.22% ของปริมาณการผลิตเหล็กดิบทั้งโลก และยังต้องพึ่งพิงวัตถุดิบที่ต้องนำเข้าไม่ว่าจะเป็นเศษเหล็ก และเหล็กขั้นต้น ได้แก่ เหล็กแท่งเล็ก (Billet) เหล็กแท่งแบน (Slab) ดังนั้น ประเทศไทยย่อมโดนผลกระทบของกระแสราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นมากด้วย
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี