ช่วงนี้น้องๆ ที่เพิ่งเรียนจบใหม่ กำลังเริ่มหางานทำกัน ในช่วงเวลาแบบนี้ แน่นอนว่างานหาได้ไม่ง่าย โดยเฉพาะในบางสายอาชีพ
ผมเองก็เรียนจบมาในช่วงลักษณะเดียวกันนี้ในปี 2540 ช่วงนั้นงานก็หายากเหมือนกัน แถมจบด้านวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม สาขาที่ใครๆ บอกว่า จะบูม จะบูม สุดท้ายพอเกิดวิกฤติสิ่งแวดล้อมกลายเป็นเรื่องสุดท้ายที่คนนึกถึง และแทบไม่มีที่ไหนเปิดรับสมัคร
ไม่มีปัญหาผมยื่นใบสมัครไป 50 แห่ง (ต้องส่งประวัติใส่ซองติดแสตมป์ไม่ง่ายเหมือนยุคนี้) สาขาอะไร งานไหนที่คิดว่าพอทำได้ ส่งใบสมัครไปโลด
ความคิดในหัวตอนนั้น คือ ไม่อยากเสียเวลารอ เพราะที่บ้านมีปัญหาการเงิน เราควรเลี้ยงตัวเองได้ และมีเหลือก็ส่งที่บ้านด้วย
และที่สำคัญ ไม่อยากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยไม่ได้ประสบการณ์อะไรเลย ไม่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่ได้เจอคนใหม่ๆ
สุดท้ายผมได้เริ่มงานเป็นวิศวกรจับฉ่าย มีหน้าที่ทำทุกอย่างตั้งแต่งานผลิตไปจนถึงจัดการของเสียในไลน์การผลิต เงินเดือนช่วงทดลองงาน 12,000 ครบสามเดือน จะปรับเพิ่มเป็น 14,000 บาท
ถ้าเทียบกับเพื่อนๆ ที่จบมาด้วยกันคงน่าน้อยใจ แต่พอหันหลังไปดูพ่อแม่ที่กำลังเหนื่อย ผมว่าดีมากมายแล้วที่จะได้แบ่งเบาภาระท่าน หลังจากส่งเราเรียนมาหลายปี
(ความยากของการตัดสินใจตรงนี้คือ ความกลัวครับ กลัวว่าตัดสินใจไปแล้ว จะมีสิ่งที่ดีกว่าตามมาทีหลัง ซึ่งก็อาจจะเป็นไปได้ แต่กับผม ผมเป็นคนหนึ่งที่ถ้าย้อนดูสถิติตัวเอง โชคดีหรือฟลุคไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิต ดังนั้นเมื่อตัดสินใจไปข้างหน้าแล้ว ลุยโลดไม่ต้องไปพะวงอะไร ให้มันมาเหอะไอ้เรื่องดีๆ ที่มาทีหลังหนะ Happy Problem!!)
จากทำไปให้มีเงินเลี้ยงตัว แต่ทำด้วยความตั้งใจและพยายามสอดส่ายสายตาหาโอกาสอยู่ตลอด สุดท้ายเจ้านายเรียกผมไปทำงานฝ่ายวางแผน ด้วยเห็นว่า ไอ้นี่มันเสือกกับเขาไปเรื่อย ไปช่วยแก้ปัญหาให้แผนกโน้นทีแผนกนี้ที จนรู้จักกันทั้งโรงงาน
ผ่านการทำงานไป 6 ปี ผมเริ่มรับงานที่ปรึกษาโรงงาน รับแบบส่วนตัว จากทำฟรีไปจนถึงเข้าไปให้คำปรึกษาแต่ละครั้งหลายหมื่นบาท (ในช่วงปี 2548-50)ทำอยู่ 3-4 ปี ก็ลาออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเองและเป็นช่องทางสำคัญในการสร้างรายได้ปลดหนี้ของผมในท้ายที่สุด
ทั้งหมดไม่ได้เป็นแผนที่วาดเอาไว้ แค่เริ่มจากคิดว่า “ทำอะไรได้ ก็ทำไปก่อน” ใช้เวลาซื้อประสบการณ์ และสร้างรายได้พอเลี้ยงตัว แล้วค่อยๆ คิดต่อยอดจากโอกาสที่พบเจอไปเรื่อยๆ
“โอกาสมากับผู้คน” ผมเชื่ออย่างนั้นเสมอ
ดังนั้นเปิดโอกาสให้ตัวเอง ในสภาวะแบบนี้ทางเลือกเราน้อยอยู่แล้ว เลือกงานได้ แต่อย่ามีข้อจำกัดเยอะไป จนปิดโอกาสของตัวเองที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ที่แตกต่าง
ฝากไว้ถึงน้องๆ จบใหม่ ที่หลังไมค์มาคุยเรื่องงานทุกคนนะครับ
จริงจะเลือกพัก จะรอ หรือทำงานเลย ก็ไม่มีอะไรผิดเพราะแต่ละคนก็ความคิดต่างกัน และปัจจัยในชีวิตก็แตกต่างกัน
ผมแค่อยากเล่าในมุมส่วนตัว เผื่อเป็นอีกแนวทางหนึ่งในการประกอบการตัดสินใจเลือกทำงานในยุคที่งานหายากกว่าปกติครับ
ขอให้ทุกคนได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานที่ดีครับ
#โค้ชหนุ่ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี