บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท พริมา มารีน (PRM) โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ทว่าปรับลดกำไรสุทธิ และราคาเหมาะสมปีนี้ลง 15% เป็น 8.50 บาท เพราะมองว่าปีที่ดีที่สุดได้ผ่านไปแล้วในปี 2563 ที่เติบโตทั้งกำไร และสร้างมาร์จิ้นที่สูงเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ปี 2564 PRM กำลังท้าทายกับการรับมอบและปรับปรุงประสิทธิภาพกองเรือใหม่ TM กว่า 19 ลำ เพื่อสนับสนุนกำไรของ PRMในระยะยาว เราเชื่อว่า จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีอย่างชัดเจนในปี 2565 โดยจะทบทวนสมมุติฐานอีกครั้งหลังงบไตรมาส 2/64 เริ่มแสดงผลออกมา
จบดีลซื้อ ไทยออยล์มารีน (TM)
โดย PRM ได้จ่ายเงินเข้าซื้อราว 900 ล้านบาทแ ละได้รับมอบเรือ 19 ลำ ได้แก่ Tanker 5 ลำ Crew boat 13 ลำ และ VLCC 1 ลำมาบริหาร ทำให้กองเรือรวมจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 59 ลำ เริ่มทำงานทันทีในเดือนพฤษภาคม 2564 โดย PRM จะต้องจัดหาเรือ VLCCให้ TOP อีก 2 ลำ ภายในปีหน้า และจะมีธุรกิจด้วยกันในเรื่องการจัดหาเรือต่างๆ ในอนาคตทำให้ความสัมพันธ์เชิงธุรกิจระหว่าง PRM และ TOP จะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทิศทางไตรมาส 2/64 คาดกำไรแกว่ง
หลังจากรายงานกำไรสุทธิเป็นไปตามตลาดคาดที่ 400 ล้านบาทลดลง -3.2% QoQและ +50.3% YoYเราคาดว่าทิศทางไตรมาส 2/64จะฟื้นตัวได้ แม้ว่าอุปสงค์น้ำมันอากาศยานจากการท่องเที่ยวในภาคใต้ยังไม่ฟื้นเพราะ COVID-19 แต่ทว่า (1) กลุ่มเรือ Domestic Tanker30 ลำ เริ่มได้อุปสงค์จากน้ำมันแก๊สโซลีน ดีเซล ฟื้นตัวเข้ามาชดเชย(2) เรือ Aframax ซึ่งมี 1 ลำ จะเริ่มเข้าสู่สัญญาแบบ Time-charterด้วยค่าระวางที่ดีขึ้นตั้งแต่กลางไตรมาส (3) เรือ FSU 2 ใน 8 ลำ จะกลับเข้าทำงานหลังเข้าซ่อมบำรุงในไตรมาสก่อน แต่ด้วยต้นทุนน้ำมันLSFO ในระดับสูง และสถานะการณ์ Backwardation ในตลาดน้ำมันทำให้คาด FSU ฟื้นไม่มากนัก (4) เรือ AWB เริ่มกลับมาทำงานหลังได้สัญญายาว 2 ปีตั้งแต่เดือนเมษายน (5) PRM ได้รับเรือ จาก TMเมื่อ 1 พฤษภาคม เราคาดรายได้จะเพิ่มขึ้น 10-15% จากการเริ่มรวมงบโดยคาด PRM มีกำไรสุทธิไตรมาส 2/64 ที่ 380-415 ล้านบาท (vs 1Q64ที่ 400 ล้านบาทและ 2Q63 ที่ 442 ล้านบาท) ยังมีความไม่แน่นอนสูงแปรผันไปตามค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการรวมงบการเงิน
เติบโตก้าวกระโดดในปี 2565
เราทดลองนำกลุ่มเรือใหม่ 19 ลำ เข้าในประมาณการตั้งแต่พฤษภาคม 2564 อย่างระมัดระวัง พบว่ารายได้รวมปี 2564 จะเริ่มแสดงการเติบโตดี +11.3% YoY ทว่ากำไรปกติคาดจะอ่อนตัว -4.4% YoYเนื่องจากผลของการรวมงบแล้ว เราคาดว่า GPM จะลดลง 520bps สู่36.3% จากอุปสงค์น้ำมันอากาศยานฟื้นช้า, ต้นทุน LSFO ทรงตัวสูงและอุปสงค์คลังน้ำมันลอยน้ำ (FSU) คาดจะไม่รุนแรงเท่าปี 2563 และGPM mixed ที่ถูกฉุดของโดยเรือ VLCC อย่างไรก็ดีในปี 2565 คาดจะเห็นกำไรทำสถิติใหม่ที่ 1.7 พันล้านบาท +15.6% YoYเมื่อ PRM จัดการ TM ได้อย่างเสร็จสรรพ
ที่มา : บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี