nn โครงการประมูลก่อสร้างรถไฟทางคู่สายเหนือและสายอีสาน มูลค่ากว่า 1.28 แสนล้านของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่กำลังระอุแดด หลัง “องค์การต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)” หรือ ACT ออกโรงเรียกร้องให้นายกฯและรัฐบาลทบทวนการประมูล เพราะผลการประมูลโครงการที่การรถไฟฯ แบ่งเนื้องานในโครงการออกเป็น 5 สัญญา และมีผู้รับเหมายักษ์เข้าร่วมประมูลกันแค่ 5 รายราวกับเรื่องบังเอิญนั้น
ก็ไม่รู้ผู้รับเหมาแข่งขันหรือบี้กันอีท่าไหน ราคาประมูลที่เคาะกันออกมาถึงต่ำกว่าราคากลาง “สุดเหลือเชื่อ” แค่ 0.08% เท่านั้น โครงการมูลค่างานใน 2 โครงการนี้สูงกว่า 1.28 แสนล้าน แต่
ผู้รับเหมากลับเคาะต่ำกว่าราคากลางแค่ 30-40 ล้านบาท หรือ 0.08% แบบ “เส้นยาแดงผ่าแปด” เท่านั้นจะบอกว่า “ไม่มีอะไรในกอไผ่” มันก็กระไรอยู่
เมื่อย้อนรอยเส้นทางการประมูล ก็ยิ่งให้น่ากังขา เพราะการรถไฟฯและกระทรวงคมนาคม มีการเดินเกมขอแก้มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพื่อให้มีการแก้เงื่อนไข TOR การประมูลกันอย่างน่ากังขาจากเดิมที่ ครม.เคยวางไลน์เอาไว้ให้มีการเปิดเสรีการแข่งขัน โดยให้ซอยเนื้องานกันเป็น 20-30 สัญญา เพื่อเปิดทางให้รับเหมารายกลางเข้าร่วม จนทำให้มีการเคาะราคาก่อสร้างที่ต่ำกว่าราคากลางกัน 20-30%
แต่การประมูลรถไฟทางคู่ 2 สายทางครั้งล่าสุด กลับมีการแก้ไขมติ ครม.เพื่อให้รวมงานก่อสร้างให้เป็นบิ๊กลอต และรวมงานระบบอาณัติสัญญาณมาผูกไว้เป็นสัญญาเดียว เปิดทางให้เฉพาะรับเหมารายใหญ่เข้าร่วมประมูลได้เท่านั้น มันจึงเป็นอะไรที่ทำให้ผู้คนเคลือบแคลงสงสัย และเต็มไปด้วยข้อกังขา....ถึงขนาดที่เลขาธิการองค์กร ACT ออกมาระบุว่า หากรัฐบาลปล่อยผ่านไป ก็จะกลายเป็นบรรทัดฐานการ “คอร์รัปชั่นที่ถูกต้องตามขั้นตอน” ในอนาคตที่จะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทยและนานาชาติ ขัดแย้งกับสิ่งที่รัฐบาลป่าวประกาศเจตนารมณ์ไว้ทั้ง “วาระแห่งชาติ”ในการต่อต้านคอร์รัปชัน ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนปฏิรูปประเทศ
ก็น่าจะเป็นจริงดังที่ องค์การ ACT ตีปี๊บเพราะนอกเหนือจากโครงการรถไฟทางคู่ข้างต้นแล้ว กระทรวงคมนาคมยังมีโครงการประมูลจัดหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) วงเงินลงทุน 1.427 แสนล้านบาท และล่าสุดโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) ระยะทาง 23 กม.เศษวงเงินลงทุน 1.1 แสนล้าน (งานโยธา 78,713 ล้านบาท) ที่ “การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)” เพิ่งประกาศประกวดราคาไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา (5 ก.ค.) และมีกำหนดให้เอกชนยื่นซองในวันที่ 8 ต.ค.นี้
คงเพราะได้ใจจากการประมูลรถไฟทางคู่หรือเปล่า...จึงทำให้การประมูลรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ดังกล่าว เจริญรอยตามรถไฟทางคู่เกือบทุกกระเบียดนิ้ว โดยนอกจาก รฟม.จะแยกงานโยธาออกเป็น 6 สัญญา (5+1สัญญา) ประกอบด้วย สัญญาที่ 1 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงเตาปูน-หอสมุดแห่งชาติ ระยะทาง 4.9 กม.ราคากลาง 18,574.868ล้านบาท สัญญาที่ 2 ช่วงหอสมุดแห่งชาติ-ผ่านฟ้า ระยะทาง 2.3 กม. ราคากลาง 15,155 ล้านบาท สัญญาที่ 3 ช่วงผ่านฟ้า-สะพานพุทธ ระยะทาง 3.1 กม. ราคากลาง 14,452.35 ล้านบาทสัญญาที่ 4 ช่วงสะพานพุทธ-ดาวคะนอง ราคากลาง14,337 ล้านบาท สัญญาที่ 5 ช่วงดาวคะนอง-ครุใน พร้อมอาคารจอดรถไฟฟ้าและอาคารจอดแล้วจร ราคากลาง 12,769 ล้านบาท และสัญญาที่ 6 งานออกแบบและก่อสร้างวางระบบรางรถไฟฟ้าตลอดแนวเส้นทาง ราคากลาง 3,423 ล้านบาท แล้ว
ในเงื่อนไข TOR ยังมีรายการน่าสงสัยที่ รฟม.ถอดแบบมาจากการประมูลสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีส้ม (สุดป่วน)ก่อนหน้า นั่นคือ การกำหนดเงื่อนไขให้เอกชนที่เข้าประมูลต้องยื่นข้อเสนอออกเป็น 3 ซองที่ประกอบด้วย 1.ซองข้อเสนอด้านคุณสมบัติ 2.ซองข้อเสนอด้านเทคนิค และ3.ซองข้อเสนอราคา ผู้ที่ผ่านข้อเสนอด้านเทคนิคแล้วเท่านั้น รฟม.จึงจะพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาประกอบกัน (สัดส่วน 30-70) ด้วยข้ออ้างเป็นโครงการใหญ่ที่มีความซับซ้อน ต้องอาศัยเทคโนโลยีชั้นสูงในการก่อสร้าง จำเป็นต้องได้ผู้รับเหมาที่มีศักยภาพในการดำเนินโครงการ
คนในวงการรับเหมาก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ พูดไปในทิศทางเดียวกันว่าการกำหนดเงื่อนไขประมูลหนนี้แตกต่างไปจากการประมูลก่อสร้างรถไฟฟ้าสายอื่นๆ ของรฟม.ก่อนหน้าที่
พิจารณาด้านราคาเป็นหลัก โดย รฟม.จะพิจารณาเปิดซองเฉพาะเอกชนที่ผ่านข้อเสนอด้านคุณสมบัติ และด้านเทคนิคแล้วเท่านั้น จึงจะเปิดซองราคา....แต่หนนี้กลับไปใช้เงื่อนไขเดียวกับโครงการประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้มที่ รฟม.ยังไม่สามารถผ่าทางตันการประมูลไปได้ เพื่อหวังที่จะชี้ให้ทุกฝ่ายได้เห็นว่า เงื่อนไขการพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคและราคาประกอบกัน ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการประมูล หรือได้ผู้รับเหมาที่มีศักยภาพหรือทำให้โครงการล่าช้าแต่อย่างใด
ทั้งที่โครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้ และสายสีส้มนั้น แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะโครงการรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้นั้น รฟม.ต้องการเพียงผู้รับเหมาก่อสร้าง ขณะที่รถไฟฟ้าสายสีส้มนั้น ได้รวมสัมปทานการบริหารโครงการเข้ามาอยู่ในโครงการด้วย
หากการประมูลโครงการรถไฟทางคู่ 2 สายทางวงเงิน 1.28 แสนล้าน และสายสีม่วงใต้ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 78,713 ล้านบาทผ่านไปโดยที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่คิดจะล้วงลูกเข้ามาตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้น สังคมคงเต็มไปด้วยข้อกังขามติคณะรัฐมนตรีที่กำหนดให้ทุกโครงการจัดซื้อ จัดจ้างของรัฐต้องเข้าสู่การทำข้อตกลงคุณธรรม และเปิดให้ภาคประชาชนเข้ามีส่วนร่วมในการตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินโครงการจะมีความหมายอันใด ในเมื่อพรรคร่วมรัฐบาลที่คุมโครงการเมกะโปรเจกท์นับแสนล้านยังสามารถแหกด่านได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
**กระบองเพชร**
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี