nn ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนักและยังไม่มีทีท่าว่าจะทุเลาลงเลย รัฐบาลจึงจำเป็นใช้มาตรการสกัดกั้นการระบาดที่เข้มงวดยาวนานขึ้นอีก ซึ่งแน่นอนว่ากระทบต่อหลากหลายธุรกิจ และธุรกิจร้านอาหาร เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบหนักมาก วันนี้ “โลกการค้า” จะนำเสนออีกหนึ่งแนวคิดที่ตกผลึกมาจาการเวทีเสวนาซึ่งก็หวังใจว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะมีส่วนช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารฝ่าวิกฤติในครั้งนี้ไปได้
ผศ.ธารีทิพย์ ทากิ อาจารย์ประจำสาขาการโรงแรมและธุรกิจอาหาร คณะการท่องเที่ยวและ การโรงแรม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ...ได้จัดเวทีเสวนาแบบกลุ่มย่อยหรือ “โฟกัสกรุ๊ป” โดยเชิญตัวแทนผู้ประกอบการร้าน อาหารและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มหรือแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่เข้าร่วมประชุมผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อรับฟังความคิดเห็น สรุปประเด็นปัญหา และข้อเสนอแนะจากทุกฝ่าย เมื่อเร็วๆ นี้
จากเวทีเสวนาดังกล่าว ได้ข้อสรุปว่ามาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายหรือโครงการส่งเสริมยอดขายเพื่อสร้างรายได้ของร้านอาหารให้เพิ่มขึ้น คือ การตอบโจทย์ของทุกปัญหาที่ผู้ประกอบการร้านอาหารและผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องการจะเห็น เพราะรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะมาจากช่องทางใดก็ตาม นอกจากจะช่วยให้ผู้ประกอบการ ร้านอาหาร ได้มีสภาพคล่องทางการเงิน และมีเงินทุนหมุนเวียน สามารถหล่อเลี้ยงธุรกิจและแรงงานภาคบริการภายในร้านแล้ว ยังช่วยส่งเสริมและกระจายรายได้ไปถึงไรเดอร์ (Rider) หรือคนขับผู้จัดส่งอาหาร และผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม
รวมถึงเพิ่มทางเลือกในการตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี
“ส่วนตัวเห็นด้วยกับนโยบายล่าสุดของรัฐบาลที่ผ่อนปรนให้มีการขายอาหารภายในห้างสรรพสินค้าได้ รวมถึงเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจช่วงที่มีการประกาศล็อกดาวน์ แต่ภาครัฐและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องช่วยกันสร้างโอกาสในการ เพิ่มยอดขาย เพื่อสร้างรายได้ให้กับร้านอาหาร เพราะรายได้จากยอดขายที่เพิ่มขึ้น จะช่วยลดปัญหาต่างๆ ในสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี”
ผศ.ธารีทิพย์ ย้ำว่าทางรอดที่จะนำไปสู่การสร้างยอดขายหรือรายได้ให้เพิ่มขึ้น ซึ่งผู้ประกอบการทุกกลุ่มได้ นำเสนอ กระทั่ง สรุปเป็นประเด็นที่มีโอกาสความเป็นไปได้นั้น ประกอบด้วย4 แนวทาง ดังนี้ 1.เพิ่มช่องทางขายออนไลน์....ผู้ประกอบการร้านอาหารควรเร่งปรับตัวเพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้าผ่าน ช่องทางออนไลน์ โดยเฉพาะการให้บริการผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่
เนื่องจากเป็นช่องทางที่ดีและเหมาะสมที่สุดในยามนี้ ทั้งนี้ จากการสัมภาษณ์พบว่าร้านอาหารมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากยอดสั่งซื้ออาหาร ผ่านช่องทางสูงถึงร้อยละ 60-70% เมื่อเทียบกับการขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียว แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการ คือ การกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้นในช่องทางออนไลน์ ในช่วงเวลาที่ยอดขาย จากการนั่งทานในร้านหายไป เพื่อให้เกิดสภาพคล่องและยังคงประคับประครองธุรกิจให้ดำเนินต่อไปได้
2.โปรโมทร้านสร้างยอดขายจากโปรโมชั่น....ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องโปรโมทตัวเองให้เป็นที่รู้จักของลูกค้า เนื่องจากในแต่ละแพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรี่มีร้านอาหารมาเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ร้านอาหารที่มี ชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก หรือทำการโปรโมทไปก่อนหน้านี้จะมีโอกาสได้รับความสนใจและสั่งซื้อมากกว่าร้านที่ไม่เคยทำการโปรโมทฯมาก่อน แต่ก็ต้องแลกกับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ มีผู้ประกอบการบางรายที่เข้าร่วมในทุกแพลตฟอร์มฯและโหมทำการโปรโมทร้านค้าตัวเองจนยอดขายเพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 90 ถึงจะแลก กับการจ่ายเงินค่าการตลาดที่เพิ่มขึ้นมา แต่ทำให้ร้านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของผู้บริโภค และนำมาซึ่งยอดขายตามมาในอนาคต
3.เข้าร่วมโครงการสนับสนุนจากภาครัฐ....โดยมาตรการต่างๆ ของภาครัฐมีส่วนช่วยลดภาระต้นทุนในการขนส่งอาหารให้กับผู้บริโภค เพราะสิ่งนี้จะเป็นตัวตัดสินใจสั่งซื้ออาหารของผู้บริโภค เนื่องจากนโยบายของรัฐในช่วงที่ผ่านมาส่งผลโดยตรงอย่างมากต่อการปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตของผู้คน และอาหารก็เป็นสิ่งที่ ผู้คนจะต้องบริโภคทุกวันวันละ 2-3 มื้อ ดังนั้น หากผู้บริโภคต้องแบกรับภาระค่าขนส่งฯมากเกินไป อาจกระทบต่อการตัดสินใจสั่งซื้ออาหาร ทั้งนี้ การที่ภาครัฐเตรียมจะเปิดโอกาสให้ผู้มีสิทธิในโครงการคนละครึ่งสามารถสั่งซื้ออาหารผ่านแอปพลิเคชั่นฟู้ดเดลิเวอรี่ถือเป็นอีกความช่วยเหลือที่ดีแก่ผู้บริโภคและผู้เกี่ยวข้อง กลุ่มอื่นๆ แต่ก็เป็นคนละส่วนกับการช่วยลดภาระด้านต้นทุนการขนส่งฯที่ภาครัฐจะต้องให้น้ำหนักความสำคัญแยกออกมาต่างหาก
4.สร้างจุดขายผ่าน CSR...ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องมองหาพันธมิตรองค์กร ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน ที่มีนโนบายด้านสังคม (CSR) ด้วยการรับผลิตอาหารชุด (กล่อง) เพื่อนำไปบริจาค
ให้กับผู้ป่วยโควิด-19 และบุคลากรทางการแพทย์ที่อยู่ในโรงพยาบาล, โรงพยาบาลสนาม และศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ประกอบการร้านอาหารจะต้องพยายามทำควบคู่ไปกับแนวทางอื่นๆ เพื่อเพิ่มยอดขาย
“เห็นได้ชัดว่า ทั้ง 4 แนวทางที่สรุปจากข้อเสนอของทุกฝ่ายนั้น ล้วนส่งผลไปถึงการสร้างรายได้จากยอดขาย ที่เพิ่มขึ้น ตรงกับความต้องการแท้จริงของทุกฝ่ายที่จะได้ประโยชน์จากสิ่งนี้
โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการ ร้านอาหาร กลุ่มคนขับหรือไรเดอร์, ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฯแม้กระทั่ง ผู้บริโภคเอง ส่วนประเด็นเรื่องค่า GP หรือค่าคอมมิชชั่นที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มฯคิดกับร้านอาหารฯตามข้อเสนอที่ภาครัฐเคยมีก่อนหน้านี้นั้น ผู้ประกอบการร้านอาหาร ส่วนใหญ่กลับมองเห็นว่า เรื่องนี้ยังไม่สำคัญเท่ากับการกระตุ้นให้เกิดการสั่งซื้ออาหาร ที่จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายและสร้างรายได้ให้กับพวกเขา เพื่อแก้ไขปัญหาทั้งมวลที่เกิดขึ้น ในทุกวันนี้ และเข้าใจดีว่าแพลตฟอร์มเองก็มีต้นทุนที่ต้องรับผิดชอบ โดยเฉพาะค่าตอบแทนของไรเดอร์ และค่าทำการตลาดที่สำคัญต่างๆอีกทั้งมองว่าการลดค่า GP ของแพลตฟอร์ม อาจนำมาซึ่งผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน” อาจารย์มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
กล่าวสรุป
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี