nn ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ามาถึงยุคนี้สมัยนี้ยังจะมีเรื่องแบบนี้อีก...ซึ่งอาจเข้าข่ายหน่วยงานรัฐกลั่นแกล้งภาคเอกชน ทำให้เสียชื่อเสียงและดิสเครดิตเพื่อให้หมดสิทธิ์เข้าประมูลโครงการจากภาครัฐอีกต่อไป เป็นเรื่องไม่ชอบมาพากล และ เหมือนทำเป็นขบวนการหรือไม่ ???....เรื่องของเรื่องก็คือ...เกิดกรณีที่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) แจ้งกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ว่า บริษัท บูรพาเทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน)ทิ้งงานโครงการก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี ช่วงสถานีไฟฟ้าปัตตานี 2 ถึงสถานีไฟฟ้าสายบุรี จังหวัดปัตตานี วงเงิน 125 ล้านบาท....แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ ทำให้เกิดความเสียหายกับบริษัทอย่างมาก เพราะคำสั่งดังกล่าวทำให้บริษัทถูกจัดอยู่ในกลุ่มบริษัทผู้ทิ้งงานภาครัฐถูกลดความน่าเชื่อถือ และไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปประมูลงานของรัฐในงานต่อไปได้...
ลองมาดูในข้อเท็จจริงกันว่าเป็นอย่างไร...เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2564 บริษัท บูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ได้ทำหนังสือลงนามโดยนายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บูรพาฯ ถึงนายฉัตรชัยพรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะ ประธานกรรมการ กฟภ. ร้องเรียนขอความเป็นธรรมเนื่องจาก กฟภ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปฏิบัติผิดขั้นตอน และกฎหมายเกี่ยวกับการสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงาน…หนังสือขอความเป็นธรรมดังกล่าว สรุปได้ว่า กรณีเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2561 กฟภ. มีหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาจ้างกับบริษัทและรับทราบการแจ้งยกเลิกสัญญาจ้าง และขอให้พิจารณางดเว้นการลงโทษเป็นผู้ทิ้งงาน...แต่ทั้งนี้บริษัท เคยเป็นคู่สัญญากับ กฟภ. มากกว่า 16 โครงการ ทุกโครงการส่งมอบงานครบถ้วนมีความตั้งใจทำงานในฐานะผู้รับจ้างอย่างเต็มที่ส่วนสาเหตุที่บริษัท ไม่สามารถปฏิบัติงานตามสัญญาโครงการดังกล่าว ไม่ใช่ความผิดของบริษัทฯ เนื่องจากมีการส่งมอบพื้นที่บางส่วนล่าช้า รวมถึงการสั่งเพิ่มลดเนื้องานนอกจากที่ระบุในสัญญา ซึ่งไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทแต่อย่างใด โดย กฟภ.ไม่ได้ขยายระยะเวลาอันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยให้แก่บริษัทแต่ยังได้มีการคิดค่าปรับจากการส่งงานล่าช้าเป็นเงินค่าปรับจำนวน 20,125,000 บาท เมื่อหักกลบกับค่างานที่บริษัทดำเนินการไปแล้ว บริษัทยังคงต้องชำระเงินค่าเสียหายเพิ่มเติมอีก 6,856,407 บาท ซึ่งบริษัทยินยอมชำระเงินจำนวนดังกล่าวทั้งหมดตามที่ กฟภ. เรียกร้องครบถ้วนแล้ว....
โลกการค้า...จะขยายความในรายละเอียดของเรื่องนี้....เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2562 กฟภ. ส่งหนังสือแจ้งเหตุที่จะพิจารณาลงโทษเป็นผู้ทิ้งงานให้สมควรถูกสั่งให้เป็นผู้ทิ้งงานทราบ และชี้แจงเหตุผลข้อเท็จจริงถึงบริษัท และให้กรรมการบริษัทชี้แจงข้อเท็จจริงถึงเหตุผลที่ไม่สมควรลงโทษให้เป็นผู้ทิ้งงานนั้น....บริษัทจึงได้ชี้แจงว่า...การทำงานตามสัญญาจ้างที่ไม่แล้วเสร็จ เริ่มจากเกิดปัญหาในการส่งมอบพื้นที่ล่าช้าภัยจากการก่อเหตุความไม่สงบ ภัยธรรมชาติ ปัญหามวลชนร้องเรียนจนต้องเปลี่ยนแบบและอุปกรณ์การก่อสร้าง ปัญหาที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องหยุดทำงานหลายครั้ง แต่ละครั้งเป็นระยะเวลานาน เมื่อบริษัทฯขอขยายเวลาในการทำงานไป กลับไม่ได้การรับอนุมัติขยายระยะเวลาให้เพียงพอ ทำให้การดำเนินการก่อสร้างเสร็จไม่ทันเวลา ซึ่งพฤติกรรมของบริษัทจึงไม่ใช่การกระทำที่เป็นผู้ทิ้งงาน...ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 2562 บริษัทได้รับแจ้งหนังสือจาก กฟภ. แจ้งผลการพิจารณาลงโทษทิ้งงาน ระบุผลการพิจารณาไว้ชัดแจ้งแล้ว...แต่เนื่องจากบริษัทมีเจตนาจะปฏิบัติงานตามสัญญาให้แล้วเสร็จ แม้เกิดอุปสรรคในการก่อสร้าง ประกอบกับเมื่อ กฟภ. ขอยกเลิกสัญญาบริษัทฯไม่เคยปฏิเสธความรับผิดชอบ และยินยอมชำระค่าปรับแก่ กฟภ. ดังนั้น กฟภ. จึงไม่เห็นควรลงโทษบริษัทเป็นผู้ทิ้งงาน
เรื่องไม่จบแค่นั้นและเกิดมีข้อน่ากังขาตามมา...เนื่องจากว่า..เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2564 กฟภ. ส่งหนังสือเรื่องการพิจารณาไม่ลงโทษบริษัทเป็นผู้ทิ้งงานไปยังกรมบัญชีกลาง และเมื่อเวลาผ่านไปถึง วันที่ 20 พ.ค. 2564 กฟภ. ส่งหนังสือไปยังกรมบัญชีกลาง เรื่องขอยกเลิกการจัดส่งหนังสือการไม่ลงโทษ ผู้ทิ้งงานของ
บริษัท พร้อมขอคืนรายละเอียดทั้งหมดจากกรมบัญชีกลาง....แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2564 กฟภ.กลับ มีหนังสือไปยังปลัดกระทรวงการคลังให้พิจารณาลงโทษบริษัท...และกระทรวงการคลัง มีคำสั่งที่ 1399/2564 ลงวันที่ 13 ส.ค. 2564 ให้บริษัท เป็นผู้ทิ้งงาน....!! อันนี้น่าจะถือว่าเป็นคำสั่งที่มิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการพิจารณาและมีคำสั่งจากหนังสือของ กฟภ. เมื่อ 13 ก.ค. 2564 ที่ขัดแย้งกับคำสั่งของกฟภ. ฉบับลงวันที่ 13 ธ.ค. 2562 ที่เคยพิจารณาไปแล้ว และการพิจารณาดังกล่าวถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลัง ดังนั้น การที่ กฟภ. ออกหนังสือใหม่อีกฉบับถึงปลัดกระทรวงการคลังโดยมีการพิจารณา และมีความเห็นใหม่เป็นครั้งที่ 2 จากเรื่องที่เคยพิจารณาแล้วจากเหตุเดียวกัน จึงเป็นการพิจารณาซ้ำซ้อนไม่ชอบด้วยกฎหมาย....และเป็นการสร้างความเสียหายให้กับบริษัทเอกชนอย่างมาก เสื่อมเสียชื่อเสียงและหมดโอกาสที่จะเข้าประมูลงานของภาครัฐอย่างสิ้นเชิง
ยุคสมัยนี้เป็นยุคแห่งความจริง...ต้องสู้กันด้วยเอกสารหลักฐาน ไม่ใช่สู้กันด้วยพวกพ้อง หรือสู้แบบวิถีเก่าที่จะใช้ความมีอำนาจมาข่มเหงรังแกคนที่ทำถูกต้อง หรือแตะตัดขาคู่แข่ง....เรื่องนี้คงต้องสะท้อนไปถึง “บิ๊กป๊อก” พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแล กฟภ. ...งานนี้ “บิ๊กป๊อก”
อยู่เฉยไม่ได้ และเพื่อให้ความจริงประจักษ์ต่อกระแสสังคม ต้องลงมาตรวจสอบข้อเท็จจริงหากบริษัทเอกชนทำผิดต้องจัดการตามกฎหมาย แต่หากบริษัทเอกชนทำถูกต้อง และถูกหน่วยงานรัฐกลั่นแกล้ง “บิ๊กป๊อก” ต้องจัดการลงโทษขั้นเด็ดขาดกับผู้บริหาร กฟภ. และคืนความยุติธรรมให้ภาคเอกชน เพื่อยืนยันว่ารัฐบาลมีความเป็นกลาง เที่ยงตรง และเที่ยงธรรมในการบริหารประเทศ เรียกความเชื่อมั่นให้กับสังคม!!!
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี