nn วานนี้ใน “หมุนตามทุน” ได้นำเสนอบทความที่ว่าด้วยเรื่องของความปั่นป่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย)...ปั่นป่วนจนทำให้โครงการหยุดชะงักมาเป็นเวลานับปี...ซึ่งดูเหมือนว่าจะเกี่ยวเนื่องด้วยจากความคิดเห็นไม่ตรงกันระหว่าง กระทรวงมหาดไทย และ กรุงเทพมหานคร กับ กระทรวงคมนาคม นั่นเองที่ทั้งสองโครงการต้องสะดุด...และสุดที่เป็นข่าวร้อนเป็นอีกครั้งกับเส้นทางการพิจารณาข้อเสนอต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียว ระหว่างกรุงเทพมหานคร (กทม.) กับ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) ต้องถูกถอนออกจากวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา หลังจากที่กระทรวงคมนาคมกระโดดออกมาขวางแนวทางดังกล่าวเต็มพิกัด ด้วยข้ออ้างเดิมไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าว...โดยกระทรวงคมนาคมได้เสนอความเห็นประกอบการพิจารณาของครม.ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอต่อสัญญาสัมปทานบีทีเอส โดยระบุว่า ได้ทำความเห็นแย้งมาถึง 8 ครั้งแล้ว หากกระทรวงมหาดไทยและ กทม.จะเดินหน้าต่อสัญญาสัมปทานโครงการ ก็ต้องทำให้เกิดความชัดเจน ถูกต้องเป็นไปตามระเบียบกฎหมาย ตลอดจนหลักธรรมาภิบาล
วานนี้ใน “หมุนตามทุน” ได้นำเสนอถึงข้อโต้แย้งและนำเสนอของ กระทรวงคมนาคม และ สิ่งที่ผู้บริหารของ กทม.ได้ชี้แจงในอีกแง่มุมของข้อโต้แย้งของกระทรวงคมนาคม ไล่เลียงกันไปทีละข้อไปแล้ว...วันนี้ “โลกการค้า” จะมานำเสนอเพิ่มเติมอีกว่า...ข้ออ้างของกระทรวงคมนาคมที่ระบุว่า หากรัฐ/กทม.ดำเนินโครงการเองผลประโยชน์ของภาครัฐที่จะได้รับตลอดระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ถึงปี 2602 จะมากกว่าให้สัมปทานเอกชน โดยรัฐจะมีกระแสเงินสดสุทธิ (ปี 2602) 4.67 แสนล้านบาท และ หาก กทม. ให้เอกชนดำเนินการจะเหลือเงินสดเมื่อสิ้นสุดสัมปทานในปี 2602 จำนวน 3.26 หมื่นล้านบาทเท่านั้น... แหล่งข่าวกทม. ...ได้ให้ความเห็นว่า...หากการให้รัฐ/กทม.ดำเนินโครงการเอง เป็นวิธีการที่ดีที่สุด ทำให้รัฐมีกระแสเงินสดหรือได้ผลประโยชน์มากกว่าให้สัมปทานเอกชนไปแล้ว... เหตุใดในหลายโครงการกระทรวงคมนาคมถึงได้ดำเนินการเช่นนั้น...เช่น โครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ที่รัฐต้องลงทุนกว่า 1.427 แสนล้านบาทกับรถไฟฟ้า สายสีม่วงใต้อีกกว่า 100,000 ล้าน...ทำไมไปให้เอกชนดำเนินการแทน เหตุใดไม่ให้ รฟม.บริหารโครงข่ายเองในเมื่อการให้รัฐดำเนินการเองดีกว่า เพราะรัฐลงทุนในโครงข่ายไปมากกว่า 80% อยู่แล้ว
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมก็ควรตรวจสอบสัมปทานรถไฟฟ้าของตนเองทั้งสายสีน้ำเงินและสีม่วงเหนือด้วยว่า หลังสิ้นสุดสัญญาสัมปทาน 30 ปีแล้ว รฟม.จะเหลือกระแสเงินสดเท่าไหร่ เพราะในส่วนของ กทม.นั้นยืนยันว่าการต่อขยายสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียวในครั้งนี้ บริษัทเอกชนคู่สัญญายังต้องจ่ายค่าสัมปทานให้แก่รัฐอีก 200,000 ล้านบาทด้วย
ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กล่าวว่า สาเหตุการถอนเรื่องไม่ได้มาจากกระทรวงคมนาคมขัดขวางการนำเสนอ ครม.เพราะเลขาธิการ ครม.ได้แจ้งก่อนเข้าวาระว่ากระทรวงมหาดไทยขอถอนเรื่องแต่ไม่ได้แจ้งสาเหตุ โดยกระทรวงคมนาคมยังยืนยันประเด็นที่เคยเสนอทักท้วงการต่อสัญญา 4 เรื่องที่เสนอไปก่อนหน้านี้ และยืนยันว่า การพิจารณาเรื่องดังกล่าวต้องพิจารณาว่า ดำเนินการครบถ้วนตามระเบียบกฎหมายและมติ ครม.เรียบร้อยแล้วหรือไม่ ซึ่งได้มีข้อทักท้วงเพราะเห็นว่า การดำเนินการยังไม่ครบถ้วนตามระเบียบกฎหมายและมติครม.
โลกการค้า...ได้ยินเสียงบ่นจากหลายๆ ฝ่ายว่า... ตลอดระยะเวลาร่วม 2 ปีที่ผ่านมานั้น บอกได้เลยว่า รถไฟฟ้า สายสีส้ม (บางขุนนนท์-มีนบุรี) และการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียว ระหว่าง กทม.กับ บมจ.บีทีเอสนั้น ยังคงย่ำอยู่กับที่ ทั้งที่กรณีหลังนั้นเป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคำสั่งนายกรัฐมนตรี ที่สั่งให้กระทรวงมหาดไทย และกทม.ไปดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้ค้างที่ กทม.มีอยู่กับ รฟม.ภายหลังการรับมอบโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย 2 สายไปดำเนินการ
แต่เส้นทางการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีเขียวกลับถูกลากเข้ารกเข้าพง จากท่าทีของกระทรวงคมนาคม....และทำให้หลายคนพาคิดกันไปว่านี่คือ...เกมต่อรองทางการเมือง เพื่อแลกกับรถไฟฟ้า สายสีส้ม ที่ รฟม.เปิดประมูลมากว่า 2 ปี แต่ต้องล้มลุกคลุกคลานไม่ขยับไปไหน เพราะมีคดีที่คั่งค้างอยู่ในศาล จากการที่ฝ่ายบริหาร รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ปรับเปลี่ยนเกณฑ์พิจารณาคัดเลือก จนถูก บีทีเอสยื่นฟ้อง ทำให้โครงการหยุดชะงักจนปัจจุบัน...หรือไม่ ?????
จุดนี้เองหรือไม่....ที่เป็นมูลเหตุให้มีความพยายามจากฝ่ายการเมือง ที่จะบีบให้ บีทีเอส รามือจากโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม เพื่อแลกกับการเดินหน้าโครงการ และแลกกับการให้กระทรวงคมนาคมรามือจากโครงการรถไฟฟ้า สายสีเขียวเช่นกัน....
ทั้งหลายทั้งปวงนี้ จึงขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะผ่าทางตันทำให้ปัญหาต่างๆ นี้สะเด็ดน้ำเสียที หรือจะปล่อยให้คาราคาซังกันอยู่อย่างนี้ ทิ้งระเบิดเวลาเอาไว้ให้...ผู้ว่าฯ กทม. คนใหม่...เข้ามาหาทางออกแทนอย่างนั้นหรือ...หากสุดท้ายแล้วการแก้ไขปัญหานี้สำเร็จลุล่วงได้ในมือของผู้ว่าฯ กทม. ...รัฐบาลเองนั่นแหล่ะจะเสียหน้า...
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี