nn ก่อนหน้านี้ในช่วงไตรมาส 3 ..นักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์หลายสำนักต่างมองตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะยังคงซบเซา และไม่เห็นทิศทางว่าจะเริ่มต้นของสัญญาณการฟื้นตัวได้ภายในปี...แต่มาวันนี้ในเดือนที่ 2 ของไตรมาสสุดท้ายหลายฝ่ายกลับออกมาคาดการณ์ใหม่ว่า..เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณการฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้.....
ถามว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ???...คำตอบก็คือ..ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ และความเชื่อมั่นของภาคประชาชนและดัชนีของผู้บริโภคเริ่มดีขึ้น...หลังจากรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19 รวมทั้งการประกาศเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ...
กระแสความคึกคักทางด้านธุรกิจและสัญญาณการฟื้นตัวที่เริ่มส่งออกมามานั้น...นักวิชาการและนักเศรษฐกิจ ต่างก็จับสัญญาณที่ส่งผ่านมาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายๆ ตัว...เช่น ตัวเลขการใช้จ่ายในประเทศ ซึ่งตัวเลขในเดือนกันยายนเริ่มจะฟื้นตัวขึ้น...สะท้อนจาก ดัชนีการบริโภคภาคเอกชน (เดือนกันยายน) ที่ขยับขึ้นจากเดือนสิงหาคม เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน ....ขณะที่ดัชนีการลงทุนภาคเอกชนเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมก่อนเช่นกัน โดยปรับตัวดีขึ้นทั้งการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ และการลงทุนในหมวดก่อสร้าง
นอกจากนี้ภาคการส่งออก (ซึ่งเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจขณะนี้)ก็ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และล่าสุดตัวเลขการส่งออกในเดือนกันยายน ก็ยังขยายตัวได้ 17.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ ขยายตัว ได้ 8.9% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ซึ่งก็เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของความต้องการในตลาดโลก รวมทั้งปัญหาของภาคการผลิตจากผลกระทบของโควิด-19 ก็เริ่มคลี่คลายลง ซึ่งสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ฯลฯ ก็ล้วนแต่ส่งผลดีต่อการจ้างงาน เมื่อแรงงานจำนวนมากยังคงมีงานทำ ก็จะส่งผลบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม การส่งออกอาหารแปรรูปหดตัว เนื่องจากการขาดแคลนแรงงานในบางพื้นที่ ส่วนตลาดส่งออกมีการเติบโตกระจายตัวในเกือบทุกตลาด
อีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าไตรมาสสุดท้ายของปีกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทยอยฟื้นตัว เพราะ ภาคการท่องเที่ยว และภาคบริหารที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว จะได้เริ่มกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้งนั่นเอง หลังจากสถานการณ์การระบาดบรรเทาลง การฉีดวัคซีนมีมากขึ้น และมาตรการควบคุมการระบาดผ่อนคลายลง และล่าสุดทางการปรับลดพื้นที่ควบคุมสูงสุด (แดงเข้ม) เหลือ 7 จังหวัด จาก 23 จังหวัด และผ่อนคลายให้สามารถบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านได้ในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว(สีฟ้า) 4 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต กระบี่ พังงา และกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ ยังมีแรงหนุนจากมาตรการรัฐที่อัดวงเงินมากขึ้นเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายในประเทศในช่วงปลายปีนี้ด้วย
และข้อมูลล่าสุดจากการประชุมร่วมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย…ก็ชี้ว่าการเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 และการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ช่วยหนุนเศรษฐกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการ และประชาชนถึงความพร้อมของประเทศไทยในการอยู่ร่วมกับโควิด-19 โดยเห็นได้จากข้อมูล การค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เนตเกี่ยวกับการท่องเที่ยว และการเดินทางในจังหวัดท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงคาดการณ์อัตราการเข้าพักที่ผู้ประกอบการโรงแรม เริ่มดีขึ้น ประกอบกับการจับจ่ายใช้สอยในภูมิภาคดีขึ้นด้วยเช่นกัน
“ภาคการค้าปลีกมองว่าผ่านจุดต่ำสุดที่ไตรมาส 3 มาแล้ว ขณะที่มุมมองของนักธุรกิจต่างชาติในประเทศไทยต่างก็เชื่อมั่นในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 4 บวกกับ ผลของมาตรการสนับสนุนการใช้จ่ายในประเทศของภาครัฐ อาทิ โครงการคนละครึ่ง และโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ฯลฯ สัญญาณเหล่านี้ทำให้คาดการณ์ว่าภาพเศรษฐกิจในช่วงปลายปีจะมีความคึกคักมากขึ้น” นายสนั่นอังอุบลกุล ประธาน กกร.ระบุ
อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนยังหวังว่าภาครัฐจะเสริมมาตรการด้วย มาตรการช้อปดีมีคืนจะเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจในปลายปีนี้กลับมาคึกคักมากขึ้นและต่อเนื่องไปยังปีหน้า หากภาครัฐมีการผ่อนคลาย และโปรโมทกิจกรรม เทศกาล ทั้งงานลอยกระทง และงานปีใหม่ได้ ก็จะเป็นตัวเสริมให้บรรยากาศทางเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมสร้างความเชื่อมั่นให้นักเดินทางทั้งในและต่างประเทศ โดยต้องย้ำว่าต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงในขณะนั้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเป็นการระบาดด้วย
“กกร. ประเมินว่าสถานการณ์ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ พร้อมกับมาตรการภาครัฐที่มีเสริมขึ้นมาจะทำให้เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยปี 2564 จะขยายตัวในกรอบ 0.5-1.5%
จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ 0-1% ซึ่งตัวเลขนี้อยู่ในเงื่อนไขที่ไม่มีการระบาดซ้ำเพิ่มเติมและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ” ประธาน กกร.กล่าวทิ้งท้าย
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี