nn บริการเรียกรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่น...เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เปิดขึ้นตามบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปในหลายมิติ ทั้งจากมิติของพฤติกรรมผู้บริโภค มิติของเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมิติของการสร้างระบบเศรษฐกิจในรูปแบบใหม่ ฯลฯ และบริการเรียกรถยนต์ผ่านแอปฯ ในประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ แม้ว่าช่วงแรกจะล้มลุกคลุกคลานอยู่บ้าง แต่มาถึงวันนี้ก็ได้กลายมาเป็นธุรกิจภาคบริการปกติทั่วไป และได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับสำหรับประเทศแม้ว่าบริการนี้จะมีเข้ามาสักพักหนึ่งแล้วก็ตาม แต่ทว่าก็ยังไม่ก้าวหน้าไปไหนมากนัก เพราะติดขัดปัญหาหลายอย่าง
วันนี้...หมุนตามทุน...อยากจะหยิบเอาข้อมูลที่เกิดขึ้นจากเวทีเสวนา งานเสวนา “อนาคต Ride Hailing หลังไทยเปิดประเทศ เพื่อขับเคลื่อน
Thailand 4.0” ซึ่งจัดโดยสำนักข่าว AEC10NEWS ในโอกาสครบรอบปีที่ 4 ก้าวสู่ปีที่ 5....เพื่อสะท้อนภาพของบริการเรียกรถยนต์โดยสารผ่านแอปพลิเคชั่น หรือ Ride Hailing ในประเทศไทยในหลากหลายมิติ จากผู้แทนหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ดร.ฉัตรชัยคุณปิติลักษณ์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), นายจักรกฤช ตั้งใจตรง ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิศวกรรมยานยนต์ สำนักวิศวกรรมยานยนต์กรมการขนส่งทางบก, ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ สส. พรรคภูมิใจไทยและนายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหาร แกร็บ ประเทศไทย
ดร.ฉัตรชัย คุณปิติลักษณ์ ผู้แทนจาก depa กล่าวว่า แนวคิดของ Ride Hailing เป็นส่วนหนึ่งของโมเดล “เศรษฐกิจแบบแบ่งปัน”หรือ Sharing Economy ที่สอดรับกับกระแสสังคมโลกยุคใหม่ ซึ่งเน้นการใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ให้เกิดความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจมากที่สุดและ depa ก็พร้อมให้การส่งเสริมและสนับสนุน เพราะถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่จะผลักดันและกระตุ้นให้ประเทศไทยก้าวสู่ภาวะเศรษฐกิจยุคใหม่ ซึ่งคาดว่าปริมาณความต้องการเรียกรถผ่านแอปฯจะเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้ เมื่อทุกอย่างได้ดำเนินการไปตามกฎหมายของภาครัฐ ทั้งนี้ มีหลายประเทศได้นำแนวทางของ Ride Hailing มาใช้ และกำลังเป็นที่นิยมในหมู่นักท่องเที่ยว ซึ่งประเทศไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวประมาณร้อยละ 20 ของ GDP ดังนั้นการผลักดันให้เกิด Ride Hailing ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไม่เพียงจะอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยว แต่ยังช่วยให้คนขับในจังหวัดท่องเที่ยวนั้นๆ มีรายได้ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากในท้องถิ่นตัวเองได้อีก
ด้าน ดร.สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ตัวแทนจากพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ซึ่งเป็นเจ้าของนโยบาย Ride Hailing กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยได้หารือกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มาตลอด ทราบว่าทางกระทรวงคมนาคมเอง ก็ได้เร่งดำเนินโครงการนี้จนมีความคืบหน้าในระดับที่น่าพอใจแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อเกิดปัญหาในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนฯของ ขบ. ตนก็จะช่วยประสานไปยัง รมว.คมนาคม เพื่อให้การแก้ไขปัญหาดังกล่าวทำได้โดยเร็ว เนื่องจากโครงการนี้เป็นอีกหนึ่งนโยบายสำคัญของพรรค ที่ได้รับกระแสการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างมาก จำเป็นจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขในทันที นอกจากนี้ หากยังมีประเด็นปัญหาและอุปสรรคอื่นใดที่จะทำให้โครงการเกิดความล่าช้า พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมจะประสานงานกับกระทรวงคมนาคม เพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้
“นอกจากนี้ พรรคภูมิใจไทยจะเร่งหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม เพื่อช่วยผลักดันให้ผู้ขับขี่ในกลุ่ม Ride Hailing ได้ “อัพสกิล” (เพิ่มทักษะ) จากเดิมที่เป็นแค่ผู้ขับขี่รถยนต์โดยสารสาธารณะ อาจจะยกระดับขึ้นเป็น “ไกด์” แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวที่เป็นผู้โดยสาร เพื่อการต่อยอดอาชีพและสร้างรายได้ใหม่ ซึ่งหากภารกิจนี้ ภาคเอกชนไม่ทำ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของภาครัฐที่จะต้องลงมาดำเนินการในทันที” สส.พรรคภูมิใจไทยย้ำ
ด้าน นายจักรกฤช ตั้งใจตรง ตัวแทนกรมการขนส่งทางบกกล่าวว่า ที่ผ่านมากรมฯได้เร่งดำเนินการออกอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องจำนวน 5 ฉบับ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 เป้าหมายเพื่อจะได้ดำเนินการในขั้นตอนต่อไปนั่นคือ การพิจารณาหลักเกณฑ์ที่กำหนดและพิจารณาให้การรับรองระบบแอปพลิเคชั่น ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว และขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมการเปิดให้ผู้สนใจจะประกอบอาชีพขับรถยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชั่นมาขึ้นทะเบียนฯแต่เพราะยังติดในเรื่องขั้นตอนและวิธีการที่ใช้เวลานาน ที่กลายเป็นปัญหาคอขวดนั่นคือ การทำใบขับขี่สาธารณะ, การตรวจประวัติอาชญากรรม และการสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งจำเป็นจะต้องเร่งหาทางแก้ไขเพื่อลดปัญหาดังกล่าวให้เร็วที่สุด
โดยขณะนี้กรมฯกำลังพัฒนาระบบอบรมออนไลน์ เพื่อให้ผู้สนใจได้เรียนรู้ก่อนจะเดินทางมาสอบใบขับขี่ฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ทันภายในสิ้นปีนี้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับผู้ที่สนใจแต่ระหว่างนี้ผู้สนใจสามารถจะดำเนินการในขั้นตอนอื่นๆ ควบคู่กันไปได้ เช่นตรวจประวัติอาชญากรรม ก่อนนำรถยนต์ป้ายดำมาขึ้นทะเบียนฯที่กรมการขนส่งฯเชื่อว่าปัญหาที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้การจัดอบรมฯเกิดขึ้นไม่ได้ในช่วงก่อนหน้านี้จะเบาบางลง และทำให้กระบวนการต่างๆ เดินหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการบริหารจาก “แกร็บ ประเทศไทย” หนึ่งในแพลตฟอร์มผู้ให้บริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชั่น กล่าวว่า Ride Hailing จะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพเสริม ให้กับผู้สนใจเข้าร่วมโครงการนี้ทั่วประเทศหลายแสนคนคาดว่าจะสร้างมูลค่าตลาดประมาณ 1.2 แสนล้านบาทต่อปีในอีก 3 ปีข้างหน้า และจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระจายไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพราะแอปพลิเคชั่นมีระบบแปลภาษาเพื่อช่วยให้คนขับสื่อสารกับชาวต่างชาติได้ง่ายขึ้น มีการแสดงราคาล่วงหน้าก่อนให้บริการซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวและที่สำคัญคือมีระบบการให้คะแนนคนขับ ซึ่งช่วยรักษามาตรฐานการให้บริการโดยรวมของทั้งอุตสาหกรรมได้
“ในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม เราจึงต้องไปลงทะเบียนแพลตฟอร์ม ขณะเดียวกันก็ต้องอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่สนใจนับแสนคนเข้าสู่ระบบได้ ดังนั้น ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะต้องมาหารือเพื่อออกแบบกระบวนการร่วมกันและหากเป็นไปได้บริษัทฯอยากเสนอให้ภาครัฐพิจารณาเรื่องขั้นตอนและการจัดการแบบพิเศษ ที่สามารถรองรับปริมาณของผู้ที่สนใจจำนวนมากในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้”
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี