ป้ายโฆษณาตามท้องถนน หนทาง บนอาคาร แต่ละป้ายจะออกแบบแตกต่างกัน ส่วนมากล้วนมีวัตถุประสงค์เดียวกัน จะทำอย่างไรให้สะดุดตาแก่ผู้พบเห็น บ้างใช้สีสันที่สวยงาม บ้างใช้ตัวอักษรตัวโตๆ จะได้อ่านได้ในระยะไกล บางป้ายมีการติดหลอดไฟ เพื่อที่ผู้คนจะได้เห็น แม้จะเป็นยามราตรี ทั้งนี้ ภาพบนป้ายมักจะเป็นภาพธรรมดาที่เคลื่อนไหวไม่ได้
ผู้ประกอบการที่มีทุนสูง อาจเปลี่ยนรูปแบบป้ายโฆษณาของตนให้ทันยุค ทันสมัย จากภาพบนป้ายที่เคลื่อนไหวไม่ได้ เปลี่ยนเป็นภาพที่เคลื่อนไหวได้ตลอดเวลาบางป้ายมีการโฆษณาสินค้าหลากหลาย สลับเปลี่ยนวนไปวนมาเช้าจรดเย็น เย็นยันค่ำ บางครั้งมีการนำโทรทัศน์จอยักษ์มาติดตั้ง ป้ายที่เคยมีเพียงไฟส่องธรรมดาๆ ลงบนโฆษณากลับกลายเป็นโฆษณาที่มีแสงสว่างออกมา ถ้าในตอนกลางวัน คงไม่ได้สะดุดตามากนัก แต่ถ้าเป็นยามค่ำคืน ที่ตะวันลับฟ้าแล้ว จะเป็นที่สะดุดตา
สำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่บริเวณป้ายโฆษณา ที่ต้องเผชิญกับแสงจากจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ คงไม่คิดเช่นนั้นสำหรับพวกเขา จอโทรทัศน์ดังกล่าว คือ มลภาวะทางแสงอย่างหนึ่ง
สภาพอาคารพาณิชย์บริเวณต้นซอยทองหล่อสูง 3 ชั้น กว่า 10 คูหา ที่มีผ้าใบขึงไว้ทั้งอาคาร เพื่อป้องกันแสงจากป้ายโฆษณา LED ยักษ์ ขนาดกว้าง 8 เมตร ยาว 32 เมตร รวมเป็นพื้นที่ 256 ตารางเมตร ที่ติดตั้งอยู่ที่อาคารฝั่งตรงข้าม สาดแสงไฟเข้าที่พักเวลา06.00-24.00 น. ทำให้ผู้คนที่พักอาศัยในอาคารไม่สามารถข่มตาหลับได้
“แสงจากป้ายมันตรงมาที่ห้องนอนของเรา พ่อแม่อยู่ชั้น 3-4 เราเหมือนอยู่ในผับทุกวัน พ่อแม่นอนไม่ได้เลยทั้งกลางวัน กลางคืน มีอาการปวดหัวตั้งแต่ป้ายนี้เปิดใช้งาน”
เสียงรำพันจากหญิงสาวที่อาศัยในย่านทองหล่อที่ต้องเผชิญกับมลภาวะทางแสงจากจอโทรทัศน์ขนาดยักษ์ทำให้พ่อของเธอ อายุ 90 ปี เริ่มมีอาการซึม ที่เคราะห์ร้ายคือ แม่อายุ 80 ปี มีอาการวิงเวียนศีรษะ ตกบันไดจนกระดูกหลังหัก ผู้ที่อาศัยบริเวณนั้นหลายคนที่มีอาการคลื่นไส้ อิดโรย เพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
ผู้ที่พักอาศัยบริเวณป้ายไม่สามารถทนกับมลภาวะทางแสงจากป้ายโฆษณา LED จึงได้เข้าร้องเรียนต่อสำนักงานเขตวัฒนา เวลาล่วงเลยหลายเดือน แต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ คงเป็นเพราะสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเต็มที่เพราะต้อง Work from Home จึงต้องอาศัยสื่อมวลชนเป็นที่พึ่ง
การร้องเรียนต่อสื่อถือเป็นแรงกระตุ้นอย่างดี เพราะทางเขตแจ้ง ได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทเจ้าของป้ายและชี้ว่ามีความผิด เข้าข่ายสร้างความรำคาญแก่ประชาชนที่บริษัทต้องชดใช้ค่าเสียหายตั้งแต่ 7,500-25,000 บาทแต่บริษัทส่วนใหญ่มักจะยอมเสียค่าปรับหลักหมื่นบาท เพื่อแลกกับรายได้ค่าโฆษณา เดือนละไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาท
ก่อนที่จะมีป้ายโฆษณา LED เจ้าปัญหา จะเป็นเพียงป้ายโฆษณาแบบภาพนิ่งธรรมดา ที่มีขนาดเล็ก การใช้แสงไฟเป็นเพียงการส่องแสงเข้าไปที่ป้ายเพื่อเน้นข้อความในภาพโฆษณาเท่านั้น
ทางเขตได้ดำเนินการเอาผิดในข้อหาทำการดัดแปลงโครงอาคารเหล็กโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น ขัดต่อกฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายหรือสิ่งที่สร้างขึ้นสำหรับติดหรือตั้งป้าย ตามพ.ร.บ.ควบคุมอาคาร (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 ผู้ร้องเรียนต่างต้องการให้มีการเอาจอทีวีขนาดยักษ์ออกไป แต่ทางบริษัทเจ้าของป้าย คงเกรงว่าจะสูญเสียรายได้ จึงต้องการเพื่อเจรจาเสนอรูปแบบการลดผลกระทบจากแสงไฟ
กรณีนี้ถือได้ว่าผู้ที่พักอาศัยอยู่บริเวณนั้นถูกกระทำละเมิดโดยเจ้าของป้าย เมื่อพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 421 “การใช้สิทธิซึ่งมีแต่จะให้เกิดเสียหายแก่บุคคลอื่นนั้นท่านว่าเป็นการอันมิชอบด้วยกฎหมาย” ดังนั้น การจะใช้สิทธิต้องคำนึงถึงด้วยว่า บุคคลอื่นได้จะได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ซึ่งกรณีการติดจอโทรทัศน์ LED เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้ที่อาศัยบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน สามารถฟ้องผู้กระทำละเมิดได้
กรณีอาคารสูงที่ติดกระจกรอบอาคาร ที่เมื่อแสงอาทิตย์ส่องกระจกย่อมทำให้เกิดการสะท้อน ซึ่งทำให้ผู้ที่พักอาศัยบริเวณนั้นได้รับความเดือดร้อนรำคาญ คดีนี้เกิดที่ย่านสุขุมวิทเช่นกัน ศาลได้สั่งให้เจ้าของอาคารชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นผู้พักอาศัยบริเวณนั้น
คำพิพากษา ฎีกาที่ 3772/ 2557 “กรณีบุคคลใดใช้สิทธิของตน เป็นเหตุให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินที่ควรคาดคิดหรือคาดหมายได้ แม้สิทธิที่จะปฏิบัติการเพื่อยังให้ความเสียหายหรือเดือดร้อนนั้นให้สิ้นไป บัญญัติให้เป็นสิทธิเฉพาะตัวของเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม แต่การที่โจทก์อาศัยอยู่ในบ้านและได้รับผลกระทบจากแสงสว่างที่สะท้อนจากอาคารของจำเลย สาดส่องเข้าในบ้านด้วย การกระทำของจำเลย ย่อมถือได้ว่า เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์”
คดีนี้ ศาลสั่งให้เจ้าของอาคารขนาดใหญ่ย่านสุขุมวิท ที่ใช้กระจกสะท้อนแสงรอบตัวอาคารต้องจ่ายค่าเสียหายให้แก่เจ้าของบ้านใกล้เคียงที่ฟ้องคดีจำนวน 4 ราย รายละ 10,000 บาทต่อปี และเจ้าของตึกแถว 3 ราย รายละ 7,000 บาทต่อปี เพราะในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายนของทุกปี ช่วงเวลา 15.30-18.00 น. จะเกิดแสงสะท้อนจากอาคารชุดสาดใส่บ้านใกล้เคียง ทำให้เดือดร้อนไปตามๆ กัน โดยเจ้าของอาคารจะต้องจ่ายค่าเสียหายตลอดไป จนกว่าจะแก้ปัญหาได้แล้วเสร็จ
แม้ตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ กำหนดให้อาคาร ใช้กระจกภายนอกที่มีค่าการสะท้อนแสงไม่เกิน 30% คดียังสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่า แม้จะใช้กระจกตามที่พ.ร.บ.กำหนดแล้ว แต่ไม่มีสิทธิสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้พักอาศัยใกล้เคียง
ปัจจุบันปัญหาแสงสว่างจากป้ายโฆษณาก่อให้เกิดความเสียหาย และความเดือดร้อนรำคาญ ปัญหานี้ควรได้รับการแก้ไข หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ควรกำหนดบทบัญญัติทางกฎหมายในส่วนของการจัดการกับมลภาวะทางแสงสว่างจากป้ายโฆษณา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี