nn การเดินทางไปเยือนประเทศซาอุดีอาระเบีย ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมานั้น ทำให้หลายฝ่ายจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ของการฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบีย และยังเป็นโอกาสในการช่วยเศรษฐกิจไทยในหลายด้าน ทั้งการท่องเที่ยว การค้าระหว่างประเทศ และการลงทุน ซึ่งในด้านการค้า ไทยมีมูลค่าการค้ากับซาอุดีอาระเบียรวม 242,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ไทยพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันและเคมีภัณฑ์สูงถึง 187,700 ล้านบาท แต่การส่งออกสินค้าที่สร้างรายได้กลับมีเพียง 54,300 ล้านบาท หรือ 0.6% ของการส่งออกทั้งหมด แม้จะส่งออกเป็นอันดับ 1 ในอาเซียนก็ตาม
อย่างไรสำนักวิจัยหลายสำนัก คาดการณ์ว่าการกระชับความสัมพันธ์ครั้งนี้ สร้างโอกาสให้กับสินค้าและธุรกิจไทย ในด้านการส่งออกมูลค่ากว่า 30,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้านี้ โดยสินค้าไทยที่เป็นที่ต้องการของซาอุฯ นั้น ประกอบด้วย รถยนต์นั่งชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน เวชภัณฑ์ทางการแพทย์ HDDsข้าว โทรทัศน์ ยางล้อรถยนต์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ชิ้นส่วนรถยนต์ รถกระบะ อาหารแปรรูป โดยสินค้าอาหารที่ไทยมีศักยภาพในการทำตลาดได้สูง คือ อาหารทะเลกระป๋อง ผลไม้กระป๋อง ผลไม้แห้ง ขณะที่ส่วนสินค้าที่ซาอุดีอาระเบียต้องการบริโภค และเป็นโอกาสในอนาคตของไทย ประกอบด้วยข้าว เนื้อ สัตว์ปีก นม อาหารแปรรูป ชีส ขนมปัง ข้าวโพด บาร์เลย์ น้ำตาล ผลไม้ กาแฟ
ล่าสุดมีผู้ประกอบการของไทยได้รับอานิสงส์จากการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศครั้งนี้แล้วด้วย นั่นก็คือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เพราะได้รับข่าวดีว่าโรงงานแปรรูปไก่เนื้อของซีพีเอฟจำนวน 5 แห่ง ของโรงงานไก่เนื้อของไทย 11 แห่ง ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา ซาอุฯ (Saudi Food & Drug Authority : SFDA) ของ ซาอุฯซึ่งจะเป็นการตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั่วโลก ว่าผลิตภัณฑ์ไก่ซีพีเอฟได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย ผลิตตามมาตรฐานฮาลาล สากล
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ตามที่ รัฐบาลซาอุดีอาระเบียได้ประกาศยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อไก่ ไข่ไก่ และผลิตภัณฑ์ไก่แบบสด แช่เย็น และแช่แข็งจากประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2547 ล่าสุด องค์การอาหารและยา ซาอุฯ ได้ออกประกาศทางเว็บไซต์อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกของไทยจากโรงงาน 11 แห่ง โดยมีโรงงานผลิตเนื้อไก่ของซีพีเอฟ จำนวน 5 แห่ง ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยาของซาอุฯ ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และสร้างความมั่นใจให้กับประเทศผู้นำเข้ารายอื่นต่อผลิตภัณฑ์ไก่ของซีพีเอฟที่มาจากกระบวนการผลิตได้มาตรฐานอาหารปลอดภัย ตามหลักศาสนาอิสลาม (ฮาลาล) มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นทาง
“ขอขอบคุณรัฐบาลไทย นายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา, รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยผลักดัน ดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐบาลซาอุฯ อย่างเต็มที่ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ผู้ประกอบการของไทยสามารถส่งออกไก่ไทยไปยังซาอุฯ ได้ ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทย โดยตลาดซาอุฯ มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่สูงสุดถึงปีละ 5.9 แสนตัน จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทยอีกด้วย” นายประสิทธิ์กล่าว
โรงงานชำแหละไก่ และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อของซีพีเอฟ 5 แห่ง ผ่านการรับรองให้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่เนื้อไปที่ซาอุฯ ได้ ประกอบด้วยโรงงานชำแหละไก่มีนบุรี โรงงานแปรรูปไก่เนื้อมีนบุรี 1 โรงงานแปรรูปไก่เนื้อมีนบุรี 2 โรงงานชำแหละไก่สระบุรี และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อสระบุรี หลังจากที่หน่วยงานองค์การอาหารและยาได้เดินทางมาตรวจสอบมาตรฐานกระบวนการผลิตของโรงงานของซีพีเอฟล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา
ในส่วนของตลาดซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงเพราะมีประชากรมากถึง 35.6 ล้านคน และภายในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council) ซาอุฯ ยังเป็นประเทศที่มีสัดส่วนนำเข้าอาหารสูงที่สุดถึง 52.7% โดยมีอัตราการบริโภคเนื้อไก่มากถึง 45 กิโลกรัมต่อคนต่อปี หรือทั้งประเทศที่ 1.5 ล้านตันต่อปี ในอดีต ซีพีเอฟเองเคยเป็นผู้ส่งออกไก่แปรรูปไปยังซาอุฯ เป็นอันดับ 1 ของไทย ก่อนที่มีมาตรการห้ามนำเข้าจากประเทศไทย และด้วยความพร้อมและศักยภาพของทางซีพีเอฟทำให้ทางบริษัทฯ มีความสามารถในการผลิตและส่งออกไก่แปรรูปได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายนนี้
“ซีพีเอฟมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตเนื้อไก่มีคุณภาพได้มาตรฐานสากล โรงงานชำแหละและแปรรูปเนื้อไก่ทุกแห่งของซีพีเอฟ ผ่านการรับรองมาตรฐานการผลิตในระดับสากล อาทิ GMP, HACCP, ISO 9001, IFS, BRC Global Standard-Food, HALAL, ISO 14001-Environment Management System,Social Accountability (SA 8000), รวมถึงThai Labor Standard (มาตรฐานแรงงานไทย-มรท 8001), OHSAS 18001 (OccupationalHealth and Safety System) หรือ ACC(Aquaculture Facility Certification) ที่สำคัญ มีกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานตามหลักศาสนาอิสลาม ตั้งแต่การเชือดไก่โดยพนักงานที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือการแปรรูปเนื้อไก่โดยใช้วัตถุดิบที่ไม่มีของต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม ส่งผลให้ ผลิตภัณฑ์ไก่เนื้อของซีพีเอฟได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าทั่วโลก โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร สหภาพยุโรป ที่นำเข้าไก่จากซีพีเอฟมาตลอดระยะเวลากว่า 30 ปี” นายประสิทธ์ิกล่าว
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี