nn ทุกวันนี้การค้าการขายทุกประเทศทั่วโลกตั้งธงชัดเจนว่าจะต้องยึดเอาหลักการดูแลกิจการภายในประเทศตัวเองเป็นหลัก...แม้ว่าจะมีข้อตกลงการค้าเสรีอยู่หลายกลุ่มก็ตามแต่สุดท้ายหากว่าอุตสาหกรรมในประเทศของตัวเองได้รับความเดือดร้อน ก็จะต้องออกมาตรการในหลายรูปแบบมาปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศของตน...แต่ก็คงจะมีแต่ประเทศไทยนี่แหละมั้งที่ไม่สนใจกับความเดือดร้อนของผู้ประกอบการในประเทศของตน เพราะกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศ พยายามเหลือเกินที่จะยุติการมาตรการต่างๆ ที่มีไว้สำหรับการปกป้องเพื่ออุตสาหกรรมในประเทศ และดูเหมือนจะยินดีเหลือเกินที่เห็นสินค้านำเข้าทะลักเข้ามาทุบตลาดในประเทศ และที่เห็นบ่อยที่สุดก็เห็นสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล็ก ทั้งที่ตอนนี้ผู้ประกอบการทั้งประเทศใช้กำลังการผลิตเพียงแค่ 30% เท่านั้นก็ยังเห็นดีเห็นงามกับตัวเลขเหล็กนำเข้าที่เพิ่มขึ้นทุกปี
ตัวอย่างล่าสุดก็เห็นจะเป็น..กรณีของ....เหล็กลวดคาร์บอนต่ำ เหล็กลวดคาร์บอนต่ำที่เจือธาตุอื่นเหล็กลวดคาร์บอนสำหรับงานย้ำหัวและงานทุบขึ้นรูปเย็นและเหล็กลวดคาร์บอนสำหรับงานย้ำหัวและงานทุบขึ้นรูปเย็นที่เจือธาตุอื่นที่มีแหล่งกำเนิดจากสาธารณรัฐประชาชนจีน...ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศ...ได้พิจารณายุติการใช้มาตรการการทุ่มตลาดเหล็กลวดคาร์บอนต่ำจากประเทศจีน...โดยให้เหตุผลว่าการที่ให้ยุติการทบทวนเพื่อเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดเนื่องจากไม่มีผู้ผลิตสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำให้ข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นครบถ้วนถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด ตามมาตรา 27 แห่ง พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดฯ...
ต้องบอกอย่างนี้ว่าการยุติเคส AD สินค้าเหล็กสินค้าเหล็กลวดคาร์บอนต่ำ จากจีน ... เป็นกรณีตัวอย่างการไต่สวนที่แย่ที่สุดที่ในรอบ 20 ปีที่เคยมีการไต่สวนมานับตั้งแต่เริ่มมีการบังคับใช้มาตรการ AD ของกรมการค้าต่างประเทศกระทรวงพาณิชย์ เพราะการไต่สวนเป็นไปด้วยการสร้างความลำบากให้กับผู้ประกอบการตั้งแต่กระบวนการยื่นคำขอใช้มาตรการโดยเฉพาะการขอข้อมูลที่เกินความจำเป็นสำหรับการเปิดไต่สวนทั้งๆ ที่ในกระบวนการหลังเปิดไต่สวนกฎหมายเปิดช่องให้สามารถรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงได้จากแบบสอบถาม และการตรวจสอบข้อเท็จจริงของข้อมูล (Verify) ได้อยู่แล้ว
อีกทั้ง ในกรณีนี้เป็นการต่ออายุมาตรการมาตรา 57 ตาม พ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนซึ่งตามเจตนารมณ์ของกฎหมายควรเป็นการไต่สวนที่ต้องพิจารณาว่า “การยุติการเรียกเก็บอากรตอบโต้การทุ่มตลาดจะทำให้มีการทุ่มตลาดต่อไป หรือทำให้การทุ่มตลาดฟื้นคืนมาอีก” ดังนั้นการไต่สวนเรื่องความเสียหาย หรือการทุ่มตลาดในปัจจุบันจึงเป็นเพียงการพิจารณาแนวโน้มที่จะทำให้มีการทุ่มตลาดและความเสียหายต่อไปหรือฟื้นคืนมาอีก จึงต้องพิจารณาการทุ่มตลาดและความเสียหายประกอบด้วย แต่ไม่จำเป็นต้องพบการทุ่มตลาดและความเสียหาย ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติสากลที่ประเทศสมาชิกขององค์การการค้าโลกใช้ในการทบทวนข้อมูล ซึ่งทางกรมการค้าต่างประเทศก็ได้เคยชี้แจงต่อสาธารณะแล้วในกระบวนรับฟังความเห็นการปรับปรุงพ.ร.บ.การตอบโต้การทุ่มตลาดและการอุดหนุนเมื่อปี 2560 ซึ่งในเคส AD อื่นๆ ที่ผ่านมาไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่การไต่สวนในกรณีนี้กลับพิจารณาประเด็นที่ขัดกับข้อกฎหมาย และเจตนารมณ์ของกฎหมายอย่างชัดเจน
นอกจากนี้ การยุติมาตรการยังเป็นการยุติโดยกล่าวอ้างถึงอุตสาหกรรมภายในมิได้ส่งข้อมูล และพยานหลักฐานที่สำคัญต่อการพิจารณาความเสียหาย และการทุ่มตลาดให้กับกรมการค้าต่างประเทศ รวมถึงพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งในความเป็นจริงข้อมูลต่างๆ ที่อ้างถึงนั้นสามารถไปรวบรวมเพิ่มเติมได้ในกระบวนการverify ข้อมูล ดังที่กล่าวไปตอนต้นแล้ว ซึ่งสามารถเรียกข้อมูลเอกสารทุกอย่างของบริษัทมาตรวจสอบได้ ซึ่งในทุกกรณีที่ผ่านมาก็ใช้กระบวนการนี้พิจารณาเอกสารข้อมูลต่างๆ ของอุตสาหกรรมภายใน ไม่เคยมีแม้แต่กรณีเดียวที่ยุติเคสโดยการไม่มีเข้า Verify ข้อมูล แต่ในกรณีนี้กลับรวบรัดยุติเคสโดยมิได้ให้อุตสาหกรรมภายในมีโอกาสให้ข้อมูลที่สำคัญดังกล่าว ซึ่งเป็นที่กังขาของผู้ผลิตเหล็กในประเทศทั้งวงการ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นปัญหาเรื่องที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการไต่สวน หรือข้อกฎหมาย หรือด้วยเหตุผลประการใด เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีการทำเช่นนี้มาก่อน เพราะทุกคนทราบดีว่าการ verify ข้อมูลเป็นกระบวนการที่สำคัญในการรวบรวมข้อมูลข้อเท็จจริงของการไต่สวน แต่ในกรณีนี้กลับละเลยกระบวนการดังกล่าว แล้วยังโยนความผิดให้กับอุตสาหกรรมภายในด้วย
จากการไต่สวนที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และยุติเคสไปอย่างกังขาของวงการเหล็กดังกล่าว เชื่อว่าสินค้าจากจีนอาจจะไหลทะลักมายังประเทศไทยอีกครั้ง เมื่อเหล็กล้นตลาดโลก ซึ่งผู้ประกอบการในประเทศคงต้องรับชะตากรรมขาดทุนหนักๆ อีกสัก 2-3 ปีเพื่อขอให้มีการใช้มาตรการอีกครั้ง ซึ่งถามว่านี่คือเจตนารมณ์ของกฎหมายใช่หรือไม่ ประเทศอื่นๆ ทั่วโลกเค้าทำอย่างนี้กันหรือไม่
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี