ข่าวการตายของดาราสาว “แตงโม” หรือ “ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก หลังจากที่เธอพลัดตกสปีดโบ๊ทเสียชีวิต เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์พ.ศ.2565 นักสืบโซเชียล ผู้มีความชำนาญหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ ช่างภาพ แสง คนขับเรือ ต่างได้ช่วยกันใช้หลักฐานที่มีอยู่ เพื่อนำเป็นประโยชน์ให้มากที่สุด เพื่อให้ทราบถึงสาเหตุการตาย โดยหวังว่า เพื่อจะได้ช่วยตำรวจทำงานได้ง่าย รวดเร็ว ตรงความจริงให้มากที่สุด
สำนวนการสอบสวนมีถึง 2,499 แผ่น พยานบุคคลรวม 124 ปาก แยกเป็นพยานที่ติดต่อผู้ที่อยู่บนเรือ จำนวน 26 ปาก พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ จำนวน 62 ปาก พยานผู้เชี่ยวชาญ จำนวน 16 ปาก และพยานเจ้าหน้าที่ จำนวน 20 ปาก เอกสาร พยานวัตถุ รวมทั้งสิ้น335 รายการ เป็นพยานเอกสาร (ผลการตรวจต่างๆ) จำนวน 47 ฉบับ พยานวัตถุ จำนวน 88 ชิ้น คลิปวีดีโอจำนวน 200 คลิป และเอกสาร จำนวน 2,000 กว่าแผ่น
จากพยานหลักฐาน นำไปสู่การดำเนินคดีกับผู้ต้องหา 6 ราย ดังนี้ (1) ปอ-ตนุภัทร ได้แก่ ประมาทจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตร, ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน,ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลอง, ไม่ติดชื่อเรือ, ใช้เรือที่หมดอายุการใช้งานตามใบอนุญาตแล้ว (2) โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ได้แก่ ประมาทจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต, เป็นผู้ควบคุมเรือโดยไม่มีประกาศนียบัตร, ใช้เรือที่ใบอนุญาตสิ้นอายุแล้ว, ทิ้งสิ่งของปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลอง(3) แซน-วิศาพัช ได้แก่ ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (4) จ๊อบ-นิทัศน์ ได้แก่ ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลอง และทำลายหลักฐาน (5) กระติก-อิจศรินทร์ได้แก่ ทำลายพยานหลักฐาน และให้การเท็จ และ(6) เอ็ม ได้แก่ ทำลายหลักฐานในการกระทำผิด และใช้ให้ผู้อื่นแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ
สรุปโดยข้อหาหลัก ที่ตำรวจแถลงปิดคดี เมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2565 คือ “การกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย” การตกน้ำจนเสียชีวิตของแตงโมเกิดจากความประมาทของคนบนเรือ กระบวนการสืบสวนสอบสวนในชั้นพนักงานสอบสวนเสร็จแล้วหลังจากนี้ตำรวจจะส่งสำนวนไปที่อัยการจังหวัดนนทบุรี เพื่อพิจารณาออกคำสั่งฟ้องคดีต่อไป
คำแถลงปิดคดีของแตงโม ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง เพราะหลายคนยังตั้งข้อกังขา จนต้องพูดเหน็บแนมว่า รอให้กฎแห่งกรรมตัดสิน เนื่องจาก
หลักฐานบางอย่างที่ตำรวจนำมาประกอบไม่สามารถพิสูจน์ให้ได้จนสิ้นข้อสงสัย อย่างกรณีที่ตำรวจได้มีการนำภาพคดีต่างประเทศมาประกอบการบรรยายแผลบนร่างกายของแตงโม 26 บาดแผล นักสืบโซเชียลได้ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม และพบว่า ภาพที่ตำรวจนำมานั้นเคยปรากฏเป็นข่าวบนเว็บไซต์ The Sun ของอังกฤษ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาวคนหนึ่ง ขณะไปร่วมงานเลี้ยงในโรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2562 ได้รับบาดเจ็บจากการถูกของมีคมกรีดผ่านชุดของเธอจนถึงขาเป็นแผลยาว 30 ซม. ภาพจากบาดแผล ไม่ได้ถูกใบพัดเรือ จึงไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้
ทางด้านคุณแม่ภนิดา ศิระยุทธโยธิน คุณแม่ของแตงโม ซึ่งตามกฎหมายอาญาถือเป็นผู้เสียหาย ไม่ได้ติดใจแต่ประการใดในคำแถลงปิดคดี
ผู้เสียหายตามกฎหมาย จำแนกออกได้เป็น 3 ประเภทคือ (1) ผู้เสียหายโดยตรง คือ ผู้ที่ได้รับความเสียหายหรือผลกระทบโดยตรงจากการกระทำความผิดอาญานั้น(2) ผู้เสียหายโดยปริยาย หรือผู้มีอำนาจจัดการแทนผู้เสียหายที่กฎหมายกำหนดให้มีอำนาจฟ้องร้องดำเนินคดีแทนผู้เสียหายโดยตรงได้ เนื่องจากผู้เสียหายโดยตรงไม่สามารถดำเนินคดีได้ด้วยตัวเอง เช่น บิดา มารดา หรือผู้ปกครองซึ่งมีอำนาจจัดการแทนผู้เยาว์ผู้อนุบาลซึ่งมีอำนาจจัดการแทนบุคคลวิกลจริตที่ศาลมีคำสั่งให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ ผู้แทนของนิติบุคคล (3) ผู้เสียหายในกรณีพิเศษ คือ บุคคลที่กฎหมายกำหนดให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย เช่น บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตรของผู้เสียหาย
นั่น หมายถึง คุณแม่ หากมีความเห็นที่ขัดแย้งกับตำรวจ คุณแม่ซึ่งเป็นผู้เสียหายสามารถฟ้องเองได้
ย้อนไปในปีพ.ศ.2544 นพ.วิสุทธิ์ บุญเกษมสันติ อดีตสูตินรีแพทย์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ที่ได้ฆาตกรรม พญ.ผัสพร บุญเกษมสันติ ภรรยา คดีนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้แก่วงการแพทย์ไทย เพราะได้ใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญในการทางแพทย์มาจัดการฆ่าและชำแหละภรรยาตัวเองอย่างแยบยล นำชิ้นเนื้อ เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ของศพไปลอบฝัง ลอบทิ้งในสถานที่ต่างๆ รวมถึงบ่อพักสิ่งปฏิกูล อันเป็นการซ่อนเร้นทำลายศพ เพื่อปิดบังการตายและเหตุแห่งการตาย
คดีนี้ ตอนแรกหมอวิสุทธิ์ยังไม่ได้ตกเป็นผู้สงสัย เพราะได้มีการสร้างพยานหลักฐานเท็จ จนที่สุดพล.ต.ท.จงรัก จุฑานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีได้แสวงหาหลักฐาน โดยตีกรอบให้แคบลงจากการไล่กล้องวงจรปิดจากสถานที่ใกล้เคียงที่พักที่ทำงาน จนมาพบภาพหมอวิสุทธิ์ประคองพญ.ผัสพร ออกมาจากร้านอาหารญี่ปุนแห่งหนึ่ง ในห้างสรรพสินค้าแถวสยามสแควร์ หมอวิสุทธิ์อ้างว่า ภรรยาเมาพันช์ ซึ่งจริงๆ แล้ว น้ำพันช์ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ยิ่งทำให้ดูมีพิรุธ
เมื่อพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้น มีความเห็นทางคดีเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา จึงได้เสนอสำนวนไปยังพนักงานอัยการ ปรากฏว่า พนักงานอัยการมีความเห็นทางคดี สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหา อย่างไรก็ตาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาคดีอาญา มาตรา 34 คำสั่งไม่ฟ้องคดี หาตัดสิทธิผู้เสียหายฟ้องคดี
โดยตนเองไม่
จนที่สุด บิดาของแพทย์หญิงผัสพร ได้ตัดสินใจยื่นฟ้องหมอวิสุทธิ์ด้วยตนเอง ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซ่อนเร้นทำลายศพ หน่วงเหนี่ยวกักขัง และข่มขืนใจผู้อื่นให้จำยอมต่อสิ่งใด และปลอมแปลงเอกสารใบลางานจนกระทั่งหมอวิสุทธิ์ถูกศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ประหารชีวิต
หมอวิสุทธิ์ ได้รับการอภัยโทษหลายครั้ง เนื่องจากปฏิบัติตัวดี มีการทำเรื่องถึงกรมราชทัณฑ์ขอพักโทษ และได้รับการพักโทษ จนถึงวันนี้จึงมีการปล่อยตัวหมอวิสุทธิ์ รวมระยะเวลาที่อยู่ในเรือนจำ คือ 10 ปี 9 เดือน
ทั้งนี้ คงต้องดูต่อไปว่า คดีแตงโม พนักงานอัยการ จะสั่งฟ้องหรือไม่ หรือจะสั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี